ท่าอากาศยานเชียงใหม่เร่งแก้ปัญหาผู้โดยสารคับคั่ง

01 มี.ค. 2561 | 01:25 น.
ท่าอากาศยานเชียงใหม่ทำโครงการเร่งด่วน แก้ปัญหาผู้โดยสารคับคั่ง เน้นปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ สร้างอาคารและที่จอดรถเพิ่ม เพื่อรองรับผู้โดยสารที่มีมากขึ้นในอนาคต

20180228_111916 นาวาอากาศตรี มณธนิก รักงาม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทชม.ทอท.) กล่าวในโอกาสครบรอบ 30 ปี การดำเนินงานของท่าอากาศยานเชียงใหม่ว่า ปัจจุบันท่าอากาศยานเชียงใหม่ มีศักยภาพในการรองรับผู้โดยสาร 8 ล้านคนต่อปี แต่เนื่องจากแนวโน้ม การเติบโตของปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 12 ต่อปี ส่งผลให้ในปี 2560 (มกราคม-ธันวาคม 2560 )   มีจำนวนผู้โดยสารมาใช้บริการมากกว่า 10.2 ล้านคน ซึ่งถึงแม้ว่าท่าอากาศยานเชียงใหม่ จะปรับปรุงสิ่งอำนวย ความสะดวกต่างๆ ขยายพื้นที่การให้บริการ และบริหารจัดการเส้นทางเดินของผู้โดยสาร เพื่อให้ผู้โดยสาร  และผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกรวดเร็วมากที่สุด ภายใต้คุณภาพการให้บริการในระดับสากลและมาตรฐานความปลอดภัยขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) มาโดยตลอดแล้วก็ตาม ก็ยังไม่ทันต่ออัตราการเติบโตของ ปริมาณผู้โดยสาร โดยในปี 2560-2568 ท่าอากาศยานเชียงใหม่ต้องให้บริการผู้โดยสารในปริมาณที่เกินขีดความสามารถ และต้องเผชิญกับปัญหาความคับคั่งของผู้โดยสาร

20180228_125201 ดังนั้น เพื่อแก้ปัญหาความคับคั่งของผู้โดยสาร ระหว่างรอการดำเนินงานตามแผนแม่บทท่าอากาศยานเชียงใหม่ คณะกรรมการ ทอท.จึงได้กำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาระยะสั้น และระยะกลาง ดังนี้ 1. การแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน ที่กำหนดดำเนินการภายในเดือนเมษายน 2561 อาทิ  ปรับปรุงป้ายบอกทางเพื่อปรับเปลี่ยนการเข้า-ออก ของผู้โดยสาร,เพิ่มพื้นที่บริเวณหน้าชานชาลาอาคารผู้โดยสาร ด้วยการรื้อย้ายสวนหย่อม ,จัดเจ้าหน้าที่ตรวจค้นให้เพียงพอกับจำนวนเครื่อง X-ray ,เพิ่มช่องทางเข้าอาคาร บริเวณประตูหมายเลข 6 เพื่อเป็นช่องทางของเจ้าหน้าที่และสำห ขนถ่ายสินค้า , เพิ่มเคาน์เตอร์สำหรับผู้โดยสาร Self Check-in อีก 3 เคาน์เตอร์,ปรับปรุงพื้นที่เพื่อเป็นห้องสัมภาษณ์พิเศษ สำหรับด่านควบคุมโรคและด่านจัดหางาน

2. การแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วน กำหนดดำเนินการภายในปี 2562 อาทิ2.1 ปรับปรุงทางสัญจร และเพิ่มพื้นที่ผิวการจราจรบริเวณชานชาลาหน้าอาคารผู้โดยสาร2.2 ปรับปรุงเพิ่มทางลาดบริเวณชานชาลาหน้าอาคารผู้โดยสาร ปรับปรุงพื้นที่เพื่อเป็นห้อง Bus Gate สำหรับอากาศยานขนาดเล็ก,ปรับปรุงพื้นที่บริเวณจุดตรวจค้นผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ , จัดทำห้องตรวจตัวพิเศษ บริเวณเครื่อง X-ray ให้เป็นไปตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัย, ก่อสร้างที่จอดรถบัสเพิ่มเติม บริเวณด้านทิศใต้อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ, ก่อสร้างลานวางอุปกรณ์ภาคพื้น (GSE: Ground Service Equipment), ปรับปรุงพื้นที่ดาดฟ้าชั้น 2 เป็นห้องโถงผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ,ปรับปรุงพื้นที่ดาดฟ้าชั้น 3 อาคารผู้โดยสารเป็นพื้นที่สำนักงาน, ก่อสร้างอาคารดับเพลิงและกู้ภัย,ก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์ด้านทิศเหนือ สำหรับพื้นที่เชิงพาณิชย์และพื้นที่จอดรถ โดยดำเนินการ ในรูปแบบการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน

20180228_124546 ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ ยังได้เปิดเผยผลการดำเนินงานของท่าอากาศยานเชียงใหม่  ในปี 2560 ที่ผ่านมา ปริมาณการจราจรทางอากาศ (มกราคม-ธันวาคม 2560) มีอากาศยานพาณิชย์ ขึ้น-ลง 71,994 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 4.03 มีสายการบินที่บินประจำภายในประเทศ จำนวน 8 สายการบิน ทำการบิน ใน 13 เส้นทาง และสายการบินระหว่างประเทศ จำนวน 26 สายการบิน ทำการบินใน 23 เส้นทาง มีเที่ยวบินเฉลี่ย   221 เที่ยวบินต่อวันมีจำนวนผู้โดยสาร 10.23 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 8.30 เฉพาะผู้โดยสารที่เดินทาง  ระหว่างประเทศมีประมาณ 2.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.72 ในจำนวนดังกล่าวเป็นผู้โดยสารชาวจีนถึงกว่า 1.42 ล้านคน   เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ประมาณร้อยละ 15 การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสารชาวจีนดังกล่าวนำมาซึ่งความเติบโตทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่และประเทศชาติ แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ท่าอากาศยานเชียงใหม่จำเป็นต้องขยายเวลาให้บริการในบางช่วงเวลาโดยเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญๆ เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน และสงกรานต์ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของชุมชนที่อาศัยโดยรอบและในแนวขึ้นลงของอากาศยานบ้าง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ต้องขออภัยที่ได้สร้างผลกระทบดังกล่าวให้แก่ชุมชนรอบข้าง อย่างไรก็ตามหากมีความจำเป็น ต้องเพิ่มเที่ยวบินนอกเวลาทำการปกติ ท่าอากาศยานเชียงใหม่จะขอความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนรับทราบล่วงหน้า  มีปริมาณการขนถ่ายสินค้า 17,303 ลดลงจากปี 2559 ร้อยละ 6.53

นอกจากนี้ ยังจะทำอาคารผู้โดยสาร 4 ชั้น และที่จอดรถ 2 อาคาร สามารถรองรับปริมาณรถได้ 5,000 คัน จากเดิมมีที่จอดรถและรองรับได้เพียงแค่ 900 คัน โดยคาดว่าการก่อสร้างในปี 2568 ซึ่งหากแล้วเสร็จ จะรองรับผู้โดยสารได้กว่า 20 ล้านคน ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว