กระทรวงสาธารณสุข เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ดูแลสุขภาพพระสงฆ์ ลดความเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ให้ความสำคัญกับอาหารถวายพระ ลดหวาน มัน เค็ม ขยายวัดส่งเสริมสุขภาพให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพิ่มยาสมุนไพรในชุดสังฆทาน
[caption id="attachment_263868" align="aligncenter" width="503"]
วันนี้ (28 กุมภาพันธ์ 2561) ที่วัดพุทธปัญญา จังหวัดนนทบุรี นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย พร้อมด้วยนพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ นพ.อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และนายแพทย์พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ร่วมกันแถลงข่าวการดูแลสุขภาพพระสงฆ์ เนื่องในวันมาฆบูชา[/caption]
นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากการที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก พระองค์รับสั่งถึงวิธีการดูแลพลานามัยของพระองค์ว่า “เน้นเรื่องลดหวาน มัน เค็ม ไม่เติมเครื่องปรุง รสชาติกลมกล่อม ไม่ต้องรสจัด ทุกอย่างต้องพอดี จะช่วยเรื่องสุขภาพได้” กระทรวงสาธารณสุขจึงได้น้อมนำแนวทางดังกล่าวมารณรงค์ให้ประชาชนเห็นความสำคัญในการเลือกอาหารที่จะถวายพระสงฆ์ วันที่ 1 มีนาคมนี้เป็นวันมาฆบูชา พุทธศาสนิกชนจะเข้าวัด ตักบาตร ฟังธรรม เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว โดยจะเลือกอาหารที่คิดว่าดีที่สุด อาจทำให้พระสงฆ์มีภาวะโภชนาการเกิน เสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรังหรือ NCDs ได้ โดยจากการคัดกรองสุขภาพพระสงฆ์-สามเณรทั่วประเทศ ในปี 2559 พบว่าป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง คือ โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ภาวะอ้วน โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคหลอดเลือดหัวใจ ตามลำดับ
นพ.วชิระ กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพพระสงฆ์ โดยกรมอนามัยจัดทำโครงการวัดส่งเสริมสุขภาพ บูรณาการการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม ร่วมกับศิลปวัฒนธรรมในความเป็นวัด ใช้หลัก 5 ร. คือ สะอาดร่มรื่น สงบร่มเย็น สุขภาพร่วมสร้าง ศิลปะร่วมจิต (วิญญาณ) และชาวประชาร่วมพัฒนา ให้สามารถบริหารจัดการสุขภาพได้ด้วยตนเอง เพิ่มความรอบรู้ด้านสุขภาพ สร้างชุมชน ท้องถิ่นและองค์กรรอบรู้สุขภาพ สู่วัดรอบรู้สุขภาพ (Health Literate Temple) รณรงค์ให้ชุมชนจัดงานบุญปลอดเหล้า ถวายอาหารสุขภาพ เป็นต้น ปัจจุบันมีวัดที่ผ่านเกณฑ์ประเมินวัดส่งเสริมสุขภาพ 4,320 วัด และร่วมกับภาคีเครือข่าย อาทิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย สสส. และพระสงฆ์นักพัฒนา พัฒนาหลักสูตรพระคิลานุปัฏฐาก (พระอาสาสมัครส่งเสริมสุขภาพประจำวัด-อสว.) เพื่อส่งเสริมสุขภาพพระสงฆ์ภายในวัดให้มีความรอบรู้ด้านสุขภาพและขับเคลื่อนการดำเนินงานธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ พุทธศักราช 2560
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ กล่าวว่า ได้คัดเลือก ผลิตภัณฑ์ยาจากสมุนไพรที่มีความจำเป็นและเหมาะสม 9 ชนิด สำหรับถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์ ได้แก่ ยาฟ้าทะลายโจร แก้ไข้ ป้องกันหวัด บรรเทาอาการท้องเสีย ยาขมิ้นชัน บรรเทาอาการท้องอืด ยาหอม แก้ลมวิงเวียน ยาดมสมุนไพร บรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ ทำให้สดชื่นผ่อนคลาย ยาอมมะแว้ง ขับเสมหะ บรรเทาอาการไอน้ำมันไพล/ยาหม่องไพล บรรเทาอาการปวดเมื่อย คาลาไมน์พญายอ แก้ผดผื่นคัน ตะไคร้หอม ป้องกันยุงกัด และยาเหลืองปิดสมุทร แก้อาการท้องเสียชนิดไม่ติดเชื้อ อุจจาระไม่เป็นมูกเลือด
นอกจากนี้ การถวายต้นสมุนไพรสดเป็นสิ่งที่อยากแนะนำ เพราะช่วยส่งเสริมสิ่งแวดล้อมให้วัดและชุมชนใกล้เคียงได้นำไปปลูกและใช้ประโยชน์ดูแลสุขภาพเบื้องต้น เช่น ตะไคร้ ช้าพลู บัวบก ฟ้าทะลายโจร มะกรูด มะระขี้นก ว่านหางจระเข้ สะระแหน่ ขิง กระเพรา เป็นต้น หรือหากประชาชนประสงค์จะเลือกรายการยาจากสมุนไพร สำหรับถวายพระสงฆ์เองตามที่ต้องการ สามารถสืบค้นสมุนไพรที่ใช้รักษาอาการเจ็บป่วยโรคต่างๆ รวมถึงสถานที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรใกล้บ้านท่านผ่านแอปพลิเคชัน สมุนไพรเฟิร์ส (samunpraifirst) ได้อีกช่องทางหนึ่ง
ด้าน นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิชย์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันพบว่าพระสงฆ์ส่วนใหญ่มีความเสี่ยงของการเกิดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง จากข้อมูลการสำรวจสุขภาพพระสงฆ์ของโรงพยาบาลสงฆ์ได้คัดกรองสุขภาพพระสงฆ์ สามเณรทั่วประเทศ ในปี 2549 และปี 2559 เปรียบเทียบกันพบว่า พระสงฆ์กลุ่มสุขภาพดีร้อยละ 60.3 ลดลงเหลือ ร้อยละ 52.3 กลุ่มพระสงฆ์ภาวะเสี่ยงจากร้อยละ 22.2 ลดลงเหลือ ร้อยละ19.2 และกลุ่มพระสงฆ์อาพาธกลับ เพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 17.5 เป็นร้อยละ 28.5 ซึ่ง 5 อันดับโรคแรกของพระอาพาธที่รักษาในแผนกผู้ป่วยนอก ของโรงพยาบาลสงฆ์ ปี พ.ศ. 2560 คือ โรคไขมันในเลือดสูง โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคไตวายเรื้อรัง โรคข้อเข่าเสื่อม และ 5 อันดับโรคแรกของพระอาพาธที่รักษาในแผนกผู้ป่วยใน คือ โรคต้อกระจก โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคไส้เลื่อนบริเวณขาหนีบ โรคท้องร่วง โรคเบาหวาน จากการสำรวจพบว่า สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากภัตตาหารที่ได้รับมาจากการบิณฑบาตที่ไม่สามารถเลือกฉันได้ ประกอบกับในอาหารชุดสำเร็จรูปที่ขาย ตามท้องตลาดส่วนใหญ่หรือที่แม่ค้าจัดไว้ให้ เป็นอาหารที่ไม่ครบ 5 หมู่ตามหลักโภชนาการ มีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายน้อย ในขณะที่มีปริมาณน้ำตาล น้ำมัน เกลือ กะทิ หรือโซเดียมมากเกินกว่าความต้องการ เมื่อพระสงฆ์ฉันอาหารลักษณะนี้ไปติดต่อกันไปนานๆ จะทำให้อาพาธด้วยโรคต่างๆ
ด้าน นพ.อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า กรมควบคุมโรคได้จัดทำคู่มือ แนวทาง แผ่นพับ โปสเตอร์ วีดีทัศน์ องค์ความรู้การป้องกันโรคไม่ติดต่อสำหรับพระสงฆ์ ในเรื่องอาหาร การเคลื่อนไหวอิริยาบถ การดูแลเสนาสนขันธ์ของพระภิกษุและสามเณร และได้มอบให้วัด เพื่อให้พระสงฆ์มีความรู้ความเข้าใจในการป้องกันควบคุมโรคไม่ติดต่อให้กับตนเองและเผยแพร่ให้กับประชาชนที่มาทำบุญ พร้อมกันนี้ยังได้มีการอบรมพระสงฆ์ต้นแบบลดเสี่ยงลดโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง และรณรงค์ให้ทำอาหารใส่บาตรเองหรือเลือกซื้ออาหารใส่บาตร ที่เน้นอาหารสุขภาพตามหลักโภชนาการ ถวายพระแต่พอดี เลิกค่านิยมหรือความเชื่อ ต้องถวายของดี อร่อย และจำนวนมากๆ เพื่อตายไปจะได้มีกินมีใช้
ด้าน นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ประเทศไทยได้มี “ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ” ฉบับแรก จัดทำขึ้นภายใต้มติมหาเถร-สมาคม ดำเนินงานเรื่องพระสงฆ์กับการพัฒนา สุขภาวะที่กำหนดให้ดำเนินการวัดส่งเสริมสุขภาพและธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์เพื่อเป็นกรอบและแนวทางการส่งเสริมสุขภาวะพระสงฆ์ทั่วประเทศ โดยยึดหลักการสำคัญ คือ การใช้ทางธรรมนำทาง มีหลักปฏิบัติประกอบด้วย 5 หมวด 37 ข้อ คือ หมวดที่ 1 ปรัชญาและแนวคิดหลักของธรรมนูญสุขภาพของพระสงฆ์แห่งชาติ หมวดที่ 2 พระสงฆ์กับการดูแลสุขภาพของตนเองตามหลักพระธรรมวินัย หมวดที่ 3 ชุมชนและสังคมกับการดูแลสุขภาพพระสงฆ์ที่ถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัย หมวดที่ 4 บทบาทพระสงฆ์ในการเป็นผู้นำด้านสุขภาวะของชุมชนและสังคม และหมวดที่ 5 การขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติสู่การปฏิบัติ