เจาะกลยุทธ์ ‘เอพี’ การเลือกทำเล ราคาขายจับต้องได้

03 มี.ค. 2561 | 10:35 น.
คอนโดมิเนียมกลายเป็นสินค้าหลักของตลาดที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ไปแล้ว ในปี 2560 ที่ผ่านมาเฉพาะไตรมาส 3 มูลค่าโครงการเปิดใหม่สูงเป็นประวัติการณ์ และยังคงต่อเนื่องถึงปีนี้

วิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์สำหรับคนเมือง ให้สัมภาษณ์แนวทางการรักษาความเป็นผู้นำคอนโดฯในเมือง

++จุดแข็งในตลาดคอนโดฯ
คอนโดมิเนียมในเมืองอัตราการดูดซับประมาณ 60% ดังนั้น สินค้าคงเหลือประมาณ 40% เชื่อว่ามีดีมานด์ เห็นได้จากในปี 2560 เอพี เปิดตัวคอนโดมิเนียม 3 โครงการ ทำยอดขายได้ถึง 80% สะท้อนถึงดีมานด์ที่มาดูดซับ นอกจากดีมานด์คนที่อยากจะอยู่ในเมืองแล้ว บริษัทเริ่มขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งไทยเป็นจุดหมายที่ชาวต่างชาติไม่ใช่แค่ต้องการมาลงทุนเท่านั้น แต่อยากจะมาพักอาศัยด้วย ทำเลที่ลูกค้าต่างชาติคุ้นเคยคือ สุขุมวิท พระราม 9 และรัชดาฯ

ในตลาดคอนโดฯ แบ่งออกได้หลายระดับราคา มีช่วงราคาที่ตํ่าล้านบาท, 1-2 ล้านบาท, 2-3 ล้านบาท, 3-5 ล้านบาท และ 5-10 ล้านบาท แต่ระดับราคาที่มีการเติบโตสูงที่สุด และมีคนลงมาเล่นมากที่สุดคือช่วงราคา 3-7 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดที่ เอพีถนัด สามารถแข่งขันได้ทั้งดีไซน์และราคา

[caption id="attachment_263663" align="aligncenter" width="503"] วิทการ จันทวิมล วิทการ จันทวิมล[/caption]

“การรักษาความเป็นผู้นำ เอพีมีจุดแข็งในเรื่อง 1. การซื้อที่ดินและเลือกทำเลที่ดิน ทำให้ได้ที่ดินที่ดีในราคาที่เหมาะสม 2. การพัฒนาโครงการขายในราคาที่ลูกค้าเข้าถึงได้ สิ่งพิสูจน์ คือ ปีที่แล้วเปิดโครงการที่ถนนวิทยุ ขายในราคาเริ่มต้นหน่วยละประมาณ 5 ล้านบาท ตารางเมตรละประมาณ 1.5-1.6 แสนบาท ด้วยราคานี้ถ้าเทียบกับทำเลถือว่าถูกมาก เพราะทำเลที่ตั้งอยู่กลางถนนวิทยุ”

ฉะนั้น ในปีที่ผ่านมาท่ามกลางการแข่งขัน ทุกคอนโดฯ ของเอพี เปิดมาขายได้เกิน 80% ในวันเปิดตัว โดยเฉพาะไลฟ์ อโศก-พระราม 9 ทำยอดขายได้ 90% ฟื้นแบรนด์ดิ แอดเดรส “เอพี เราเน้นกลยุทธ์ราคาที่เหมาะสม แต่ขอบอกว่าสินค้าเราไม่ใช่ราคาที่ถูกที่สุด และไม่ใช่ของราคาแพงที่สุดในตลาด”

ในตลาดคอนโดฯแบรนด์หลักของเอพี มี ริธึ่ม และ ไลฟ์ ส่วน แอสปาย ไม่ได้เปิดตัวโครงการมาหลายปีแล้ว ในปี 2560 เปิดตัวอยู่แบรนด์เดียวคือ ไลฟ์ แต่ปีนี้มี ริธึ่ม และนำแบรนด์ ดิ แอดเดรส กลับมาทำตลาดอีกครั้ง เพราะต้องการรุกตลาดพรีเมียม พร้อมแบ่งเซ็กเมนต์ดังนี้ ไลฟ์ ราคาเฉลี่ย 1.4-1.5 แสนบาท/ตารางเมตร, ริธึ่ม โครงการล่าสุด เอกมัย ราคาเฉลี่ย 1.9-2.0 แสนบาท/ตารางเมตร ฉะนั้น ดิ แอดเดรส ราคาขายเฉลี่ยต้องสูงกว่า 2 แสนบาท/ตารางเมตร

วิตโตริโอ้ แบรนด์หรูที่สุด ระดับอัลตร้าลักซ์ (ตั้งราคาขายเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่ 3 แสนบาทต่อตารางเมตร แต่วันนี้ราคายังเท่าเดิม) ขายได้กว่า 40% หรือประมาณ 50 หน่วย จาก 88 หน่วย เริ่มขายจริงจังเมื่อประมาณไตรมาส 3 ปี 2560 ส่วนใหญ่ที่ขายได้จะเป็นห้องขนาดใหญ่ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทย

บาร์ไลน์ฐาน ++ปี 61 เปิด 4 โครงการ
ปี 2561 นี้ บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 34 โครงการ มูลค่ารวมโครงการ 4.9 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่ารวม 1.9 หมื่นล้านบาท และแนวราบ 30 โครงการ โดยในช่วงครึ่งปีแรกนี้บริษัทมีแผนเปิดตัวจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ ไลฟ์ สุขุมวิท 62 ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับ บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ปฯ มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้น 3 ล้านบาท และอีกโครงการ แอสปาย สาทร-ราชพฤกษ์ 3,000 ล้านบาท ราคาขายเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท

“ไลฟ์ สุขุมวิท 62 จะเป็นโครงการต้นแบบที่ เอพีเปลี่ยนแพลตฟอร์มการขายจากออฟไลน์สู่การจองผ่านระบบออนไลน์เต็มรูปแบบ เป็นการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับวงการอสังหาฯ ไทย ด้วยการอำนวยความสะดวก ความมั่นใจในความปลอดภัยให้เกิดขึ้นกับการทำธุรกรรมสินค้าอสังหาฯ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงผ่านระบบออนไลน์ โดยเอพีได้ร่วมมือกับธนาคารพันธมิตรชั้นนำ เพื่ออำนวยความสะดวกและความมั่นใจในการเข้าถึงการจองคอนโดฯ ไลฟ์ สุขุมวิท 62 ได้อย่างไม่มีข้อจำกัด ตอบรับพฤติกรรมลูกค้าคนเมืองรุ่นใหม่ ที่เปิดรับให้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการใช้ชีวิตให้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งเราเชื่อว่าการยกระดับแพลตฟอร์มการขายผ่านระบบออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบในครั้งนี้ จะเป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญสู่ความสำเร็จทำให้สามารถปิดการขายได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,344 วันที่ 1 - 3 มีนาคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว