ลุยส่งออกอาหารไปรัสเซีย สบช่องสหรัฐฯ-อียูถูกบอยคอตต์/'ประยุทธ์-สมคิด'นำทัพบุก

15 ม.ค. 2559 | 02:30 น.
พาณิชย์ชี้โอกาสการค้า-ลงทุนในรัสเซียสดใส หลังสนใจสินค้าจากอาเซียนมากขึ้น ทั้งเนื้อหมู เนื้อ ไก่ ผักผลไม้ พร้อมจูงใจให้สิทธิพิเศษแก่นักลงทุน ทั้งลดภาษีลดค่าเช่าพื้นที่ ด้าน "อภิรดี" ฟุ้ง ปลายเดือนนี้ผู้นำเข้ายางพารามาไทยขายอีก 8 หมื่นตันใกล้เป็นจริง พร้อมปูทาง "สมคิด"เยือนรัสเซียช่วง ก.พ.-มี.ค.ตามด้วยนายกรัฐมนตรีร่วมประชุมรัสเซีย-อาเซียน ซัมมิท 18-20 พ.ค.นี้

[caption id="attachment_26245" align="aligncenter" width="600"] การค้าระหว่างประเทศของไทยกับรัสเซีย การค้าระหว่างประเทศของไทยกับรัสเซีย[/caption]

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า จากที่รัสเซียได้ประกาศห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารจากกลุ่มประเทศที่ออกมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย กรณีข้อพิพาทระหว่างรัสเซียกับยูเครน ครอบคลุม 12 กลุ่มสินค้า เช่น เนื้อสัตว์ เช่น หมู ปลา สัตว์น้ำ แช่เย็นแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์นม ผักผลไม้และถั่ว เป็นระยะเวลา 1 ปี ส่งผลให้ประเทศคู่ค้ารองที่มีศักยภาพในการส่งออกสินค้าเหล่านี้จากภูมิภาคลาตินอเมริกา แอฟริกา และเอเชียกำลังวางแผนเพิ่มการส่งออกทดแทนการนำเข้าจากประเทศที่ถูกรัสเซียแซงก์ชัน ดังนั้นสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ(สคร.) ณ กรุงมอสโก เห็นว่าประกาศดังกล่าวถือว่าเป็นโอกาสของสินค้าไทยในการส่งออกไปรัสเซียและจะต้องเร่งผลักดันการส่งออกสินค้า เช่นข้าว ไก่ ยางพารา อาหารกระป๋องชาเย็น ผักผลไม้ เนื้อวัว เนื้อหมู โดยเร่งเจรจากับ FSVPS (Federal Service for Veterinary and Phytosanitary Surveillance) เพื่อเจรจาผ่อนปรนมาตรการการนำเข้าสินค้าของไทย

ทั้งนี้ไทย-รัสเซียได้ตั้งเป้ามูลค่าการค้าระหว่างกันเป็น 2 เท่าหรือ 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีนี้ และเพิ่มบทบาทสภาธุรกิจของทั้ง 2 ฝ่ายในการส่งเสริมความร่วมมือของเอกชน ส่วนสินค้าเกษตรอย่างยางพารานั้น ที่ประชุมให้มีการแยกการซื้อขายระหว่างยางพารากับอาวุธควรให้แยกซื้อขายออกจากกัน โดยที่ฝ่ายไทยได้มีการจัดซื้ออาวุธรัสเซียเป็นปกติอยู่แล้ว ดังนั้นฝ่ายรัสเซียเองควรพิจารณาซื้อยางพาราจากไทยด้วย เนื่องจากรัสเซียต้องการขายอาวุธให้กับไทยมูลค่า 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

สำหรับแนวโน้มและโอกาสทางการค้าของตลาดในระยะสั้นและระยะยาว โดยในระยะสั้น จากปัญหามาตรการตอบโต้การแซงก์ชันสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาของรัสเซียได้ให้ความสำคัญกับเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะอาเซียน ที่สามารถเป็นแหล่งสำรองส่งออกอาหารให้กับรัสเซียได้ในยามวิกฤติ โดยมีสินค้าที่รัสเซียต้องการเช่น เนื้อไก่ เนื้อสุกร สินค้าเกษตรเป็นต้น

ส่วนในระยะยาว รัสเซียมีนโยบายสนับสนุนให้ชาวต่างชาติและผู้ประกอบการในประเทศเพิ่มการลงทุนผลิตสินค้าเองในประเทศทั้งสินค้าเกษตรและสินค้าจำเป็นอื่นๆ เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าสินค้า โดยมอบสิทธิพิเศษแก่นักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนในประเทศ

สำหรับกิจกรรมที่จะช่วยผลักดันการส่งออกของรัสเซียในปีนี้ เช่น ในช่วงเดือนมิถุนายนจะมีการนำคณะผู้ประกอบการกลุ่มสอนคาอาหาร แฟชั่น จิวเวลรี เครื่องหนัง เครื่องตกแต่งบ้าน ยาและอุปกรณ์การแพทย์ และวัสดุก่อสร้าง จำนวน 10 ราย ในงานTHAILAND WEEK IN KIEV ,KURAIN 2016 เป็นต้น

"ได้มีการประชุมหารือร่วม3 ฝ่ายคือกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อหารือและกิจกรรมในตลาดรัสเซียรวมทั้งปัญหาอุปสรรคของภาคเอกชนไทยในการทำการค้ากับรัสเซียเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคณะของรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ(สมคิด จาตุศรีพิทักษ์)ที่มีกำหนดการจะเดินทางเยือนรัสเซียในช่วงเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคมนี้ โดยปัญหาในการทำธุรกิจในรัสเซียหลักๆคือค่าเงินรูเบิลที่อ่อนค่าลงมายู่ที่ 72 รูเบิลต่อดอลลาร์สหรัฐฯหรืออ่อนค่าลง 100% ตั้งแต่ต้นปี 2557 ทำให้การส่งออกสินค้าไทยไปรัสเซียมีต้นทุนที่สูงขึ้นกว่า 1 เท่าตัว ขณะที่ในวันที่18-20 พฤษภาคม พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการที่จะไปประชุม รัสเซีย-อาเซียน ซัมมิท ด้วย" แหล่งข่าวกล่าวและว่า

ด้านนางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผย ปลายเดือนมกราคมนี้ ผู้นำเข้ายางพาราจากรัสเซียแสดงความสนใจที่จะรับซื้อยางพาราของไทย ปริมาณประมาณ 8 หมื่นตัน ซึ่งทางรัสเซียได้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบคุณภาพยางพาราไทยไปแล้วเมือช่วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา

"อย่างไรก็ตามกระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าส่งออกไปรัสเซียปีนี้ขยายตัวติดลบ15% (ในรูปดอลลาร์สหรัฐฯ) โดยสินค้าเป้าหมายเช่น อาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ และธุรกิจบริการที่เป็นเป้าหมาย เช่น โรงแรม สปา

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,122 วันที่ 14 - 16 มกราคม พ.ศ. 2559