Ctrip ซื้อไม่อั้นโรงแรมไทย

13 ก.พ. 2561 | 23:00 น.
ซีทริปยักษ์ใหญ่ท่องเที่ยวจีน ส่งบริษัทลูกลุยธุรกิจรร.ในไทย เตรียมรับนักท่องเที่ยวจีน ที่ยังครองอันดับ 1 นักท่องเที่ยวต่างชาติในไทย จัดเวทีประกาศความพร้อม ทั้งซื้อ-เช่า-แฟรนไชส์ ครบทุกมิติ

หลู่เยว่ บริษัทในเครือของ ซีทริป ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวรายใหญ่ที่สุดของจีนโดยมี นายเคน เฉา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายสตีเฟน เซี่ยง ผู้ถือหุ้นใหญ่ พร้อมด้วยทีมพัฒนาธุรกิจต่างประเทศ ได้จัดงาน “โอกาสของอินเทอร์เน็ต+ธุรกิจโรงแรม” เพื่อแนะนำบริษัทให้กับธุรกิจและเจ้าของโรงแรมในไทย ซึ่งมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานกว่า 50 ราย

นายเคน เฉา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร หลู่เยว่ กล่าวว่า ซีทริปก่อตั้งขึ้นในปี 2542 ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านการท่องเที่ยวซึ่งธุรกิจได้พัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่องและเป็นรายใหญ่ที่สุดของจีนโดยในปี 2559 ซีทริปได้จัดตั้ง “หลู่เยว่” บริษัทในเครือ เพื่อดำเนินกิจการที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมโดยเฉพาะและเน้นโรงแรมต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้มีโรงแรมในเครือทั้งหมด 25 แห่ง ในเกาหลี มาเลเซีย และไทย ซึ่งในไทยมีอยู่ 3 แห่ง คือ เชียงใหม่และสมุย ในนามริเวอร์ไซด์ ฟลอรัล อินน์ เชียงใหม่ (Riverside Floral Inn Chiang Mai) ฟลอรัล ทามาริน่า บีช เกาะสมุย (Floral Tamarina Beach Koh Samui) และฟลอรัล พูล วิลล่า เกาะสมุย (Floral Pool Villa Koh Samui)

TP2-3339-A “โรงแรมริเวอร์ไซด์ ฟลอรัล อินน์ เชียงใหม่ เปิดให้บริการอย่าง เป็นทางการเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2560 มีอัตราการเข้าพักรายเดือน (Occupancy rate) เฉลี่ยสูงถึง 92% เมื่อเปรียบเทียบกับก่อนที่กลุ่มหลู่เยว่จะเข้ามาดำเนินกิจการ ค่า ADR ตัวชี้วัดความสามารถในการทำกำไรอยู่ที่ 2.4 เท่า มีมูลค่าเพิ่มเฉลี่ย 260 หยวนโดยแผนทางธุรกิจของหลู่เยว่ ในการดำเนินกิจการโรงแรมใน 3 รูปแบบคือ เช่าซื้อ การร่วมทุน และโรงแรมแฟรนไชส์” นายเคนกล่าว
ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีน ปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาไทยถึง 8.7 ล้านคน ซึ่งในจำนวนดังกล่าวนี้ มีถึง 5 ล้านคน ที่เดินทางมาไทยโดยใช้บริการผ่านซีทริป จุดนี้ จึงเป็นจุดแข็งที่ช่วยส่งเสริมหลู่เยว่ โดยเฉพาะในตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีน นอกจากนี้ผู้ใช้บริการยังสามารถแจ้งความต้องการและปัญหาผ่านช่องทาง WeChat ได้ซึ่งจะมีพนักงานคอยตอบคำถามและแก้ไขปัญหาในทันที

TP01-3339-1B ด้านนายสตีเฟน เซี่ยง ผู้ถือหุ้นใหญ่ของหลู่เยว่ กล่าวว่า หลู่เยว่มีจุดเด่นด้านข้อมูล (Big data) ทำให้ลูกค้าที่จองห้องพักผ่านซีทริปสามารถเลือกสรรโรงแรมที่เหมาะสมกับลูกค้าได้มากที่สุด ซึ่งภายในปี 2561 บริษัทตั้งเป้าเปิดโรงแรมในไทย 80 แห่ง และทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ญี่ปุ่น เกาหลี 260 แห่ง รวมทั่วโลก 500 แห่ง เพื่อให้ครอบคลุมไปทั่วโลก ซึ่งหากโรงแรมที่สนใจร่วมธุรกิจ กับหลู่เยว่แล้ว จะทำให้โรงแรมเป็นที่รู้จัก อัตราการเข้าพักสูง อย่างที่กรุงโซล เกาหลีใต้ลูกค้าที่เข้าพัก 95% ก็ไม่ได้เป็นชาวจีน

นางสาวนงนุช ทองย่น กรรมการผู้จัดการ โรงแรม ดิ ปันตัย บูทีค บีช รีสอร์ต ภูเก็ต ประเทศไทยกล่าวว่า การเข้ามาบุกธุรกิจโรงแรมของกลุ่มซีทริปถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่กำลังมองหาพันธมิตรที่มีศักยภาพในการขยายธุรกิจ เพราะหลู่เยว่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูลสารสนเทศและเทคโนโลยี ที่มีเครือข่ายทั่วโลก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจโรงแรมในปัจจุบัน และดิ ปันตัยฯก็อยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อร่วมมือกับหลู่เยว่ โดยเชื่อว่าจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่เดินทางมาเที่ยวภูเก็ต ไม่ใช่เฉพาะนักท่องเที่ยวจีนเท่านั้น

ad-bkk “ที่เราสนใจคือ แนวทางการทำตลาดแบบแฟรนไชส์ของหลู่เยว่ เพราะปัจจุบันลูกค้ามากกว่า 80% มาจากตลาดออนไลน์ และส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน เพราะซีทริปเป็นตลาดที่เข้าถึงง่าย โดยเฉพาะลูกค้าจีน ซึ่งขณะนี้มีลูกค้าหลากหลาย และรร.ดิ ปันตัยฯทำธุรกิจนี้มาเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว ตลาดยังเติบโตต่อไปได้ แต่ต้องมองทิศทางของตลาดโลก และต้องเปิดตลาดให้กว้างขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาศักยภาพด้านบริการและอินเตอร์เน็ต ที่จะช่วยยกระดับธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี”

ด้านนายวีระ วาณิชยพิทักษ์ ผู้บริหาร บริษัท ซีเอ็นอาร์ เฮ้าส์ จำกัด เจ้าของธุรกิจโรงแรมและอพาร์ตเมนต์ย่านเจริญกรุง กล่าวว่า แม้จะมีทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การขยายธุรกิจต่อไป ต้องอาศัยพันธมิตรที่จะช่วยต่อยอดธุรกิจได้ ซึ่งกลุ่มซีทริปไม่ได้เสริมด้านเทคโนโลยีที่เข้มแข็งและการบริหารงานแบบมืออาชีพเท่านั้น แต่เชื่อว่าจะช่วยดึงฐานลูกค้ามาสร้างความคึกคักให้กับธุรกิจโรงแรมไทยอย่างแน่นอน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,339 วันที่ 9 - 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว