ผลวิจัยชี้1 ใน 3 ของผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้พร้อมซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

07 ก.พ. 2561 | 04:00 น.
นิสสัน ร่วมกับ ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน ทำการศึกษาในหัวข้อ “อนาคตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” (Future of Electric Vehicles in South East Asia) โดยจัดทำในเดือนมกราคม พ.ศ. 2561 ใน 6 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ ซึ่งผลการวิจัยนี้มาจากการตอบคำถามของลูกค้าทางออนไลน์และการพูดคุยแบบตัวต่อตัว 1,800 ราย

the-futurthe-futuree1 โดยนิสสันได้เผนแพร่ผลการศึกษาในหัวข้อ “อนาคตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” (Future of Electric Vehicles in South East Asia) ที่งานนิสสัน ฟิวเจอร์ส (Nissan Futures) ณ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นงานที่มีการรวมกันของผู้บริหารระดับสูงจากภาครัฐ กลุ่มอุตสาหกรรม และสื่อมวลชน มาเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

ซึ่งการวิจัยนี้ครอบคลุมทั้งใน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ เผยว่า 37% ของผู้ที่กำลังจะซื้อรถยนต์มีความสนใจที่จะซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเป็นคันต่อไป โดยลูกค้าใน ฟิลิปปินส์ ประเทศไทย และอินโดนีเซีย คือกลุ่มที่มีความต้องการซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากที่สุด และผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าการเสนอแรงจูงใจ (incentive) ที่เหมาะสมจะส่งเสริมการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว

the-futurthe-futuree5 สำหรับงานดังกล่าว นิสสันยังเน้น ความมุ่งมั่นในการก้าวสู่อนาคตของระบบขับเคลื่อนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านแนวคิดนิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้ (Nissan Intelligent Mobility) เพื่อพลิกโฉมของพลังงานที่ใช้ขับเคลื่อนรถยนต์ การขับขี่ และการเชื่อมต่อเป็นเป็นส่วนหนึ่งในสังคม โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ผู้คนก้าวสู่โลกที่ดีขึ้น บริษัทฯ ได้ประกาศเปิดตัว นิสสัน ลีฟ ซึ่งขับเคลื่อนโดยพลังงานไฟฟ้า 100% ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แสดงให้เห็นถึงความเป็นสุดยอดของ นิสสัน โดยรถยนต์ดังกล่าวจะจัดจำหน่ายที่ ออสเตรเลีย ฮ่องกง มาเลเซีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ และประเทศไทย ในช่วงปีงบประมาณหน้าของบริษัทฯ

-ความปลอดภัย และความสะดวกสบายในการชาร์จไฟฟ้า

2 ใน 3 ผู้บริโภคทั่วภูมิภาคให้ความสำคัญกับมาตรฐานความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ในการตัดสินใจซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และด้านความสะดวกสบายในการชาร์จไฟฟ้าเป็นปัจจัยอันดับที่สอง ตรงข้ามกับความเข้าใจเดิมๆ ราคาไม่ใช่ปัญหา และโดยข้อเท็จจริงแล้ว ลูกค้ามีความพร้อมที่จะจ่ายเงินเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเมื่อเทียบกับรถยนต์แบบทั่วไป

the-futurthe-futuree2

อย่างไรก็ตามผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่าค่าใช้จ่ายที่ต่ำลงจะทำให้คนจำนวนมากขึ้นคิดที่จะซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 3 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสอบถามตอบว่าพวกเขาพร้อมที่จะเปลี่ยนจากรถยนต์ทั่วไปเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าถ้ามีการยกเว้นภาษี รวมถึงแรงจูงใจอื่นๆ และที่จะสร้างความน่าสนใจให้ผู้บริโภคหันมาซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าอีกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็น การติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าในอาคารที่อยู่อาศัย (70 %) การมีช่องทางขับขี่พิเศษสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (56 %) และการไม่เสียค่าที่จอดรถ (53 %)

++ปัจจัยที่มีผลต่อผู้บริโภคในการซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
-ความเข้าใจในเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

the-futurthe-futuree3

แม้ว่าจำนวนผู้ที่เป็นเจ้าของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะมีค่อนข้างน้อย แต่อย่างไรก็ตามผู้บริโภคยังทราบถึงความแตกต่างของเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้า อาทิ รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด และรถยนต์นิสสัน อี-เพาเวอร์ ผู้บริโภค 83 %ยังมีความเข้าใจว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้าคือรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ใน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และเวียดนาม ผู้คนมีการพัฒนาความเข้าใจในเทคโนโลยีรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่มากที่สุด ขณะที่ รถยนต์แบบไฮบริดที่มีจำนวนมากในมาเลเซียและไทย ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนระหว่างรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ไฮบริด

the-futurthe-futuree4

-ขจัดกำแพงกั้นการตัดสินใจซื้อ

ถึงแม้จะมีความต้องการต่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่สูง แต่ก็ยังมีอุปสรรคหลายด้านเช่นกัน อาทิ การขาดความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง ความกังวลใจเรื่องแบตเตอรี่จะหมดลงคืออุปสรรคหลักของการตัดสินใจซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เช่นดียวกันกับที่ ลูกค้ายังไม่เชื่อมั่นในมาตรฐานความปลอดภัยของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

“การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของรถยนต์ขับเคลื่อนโดยพลังงานไฟฟ้าจำเป็นต้องมีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงแนวทางการดำเนินการในระยะยาวที่ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่แตกต่างกันในแต่ละตลาด” นาย ยูตากะ ซานาดะ รองประธานอาวุโส ระดับภูมิภาคของนิสสัน กล่าวในงาน นิสสัน ฟิวเจอร์นี้ว่า “ผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มองว่าภาครัฐมีบทบาทสำคัญต่อการสนับสนุนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า

นาย ซานาดะ ยังเสริมด้วยว่า นิสสันในฐานะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ก็จะต้องทำงานให้ดียิ่งขึ้นเพื่ออธิบายว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีความปลอดภัย มีความชาญฉลาด และเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนในทุกสภาพอากาศ โดยรถยนต์ไฟฟ้าของนิสสันได้รับการทดสอบอย่างจริงจังในสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุด และนิสสันมีความภาคภูมิใจที่ลูกค้า นิสสัน ลีฟ จำนวน 300,000 รายได้ขับรถของนิสสัน ไปมากกว่า 3.9 พันล้านกิโลเมตรทั่วโลกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 โดยไม่มีปัญหาใหญ่ๆ เกิดขึ้นกับแบตเตอรี่เลย

ขณะที่ นาย วิเวก ไวทยา รองประธานอาวุโสฝ่ายระบบขับเคลื่อนของฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า “ความเข้าใจในเรื่องรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปัจจุบันไม่ได้สะท้อนความต้องการที่แท้จริงซึ่งสูงกว่ามาก ในทางตรงกันข้าม ความเชื่อที่ว่า ราคาที่สูงของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะเป็นอุปสรรค แต่จากการสำรวจเผยว่าผู้บริโภคกลับมีความกังวลด้านความปลอดภัยและการชาร์จไฟ ซึ่ง หากภาคอุตสาหกรรมและภาครัฐบาลสามารถขจัดอุปสรรคเหล่านี้ลงได้ ความเป็นไปได้ของยานยนต์ไฟฟ้าก็จะมีอยู่สูง”

ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว