10 หุ้นเด็ด พิชิตตลาด EA แรงไม่ตก-BCP สุดถูก ‘IVL-PTT-BBL’อัพไซด์สูง

23 ม.ค. 2561 | 08:06 น.
5 นักวิเคราะห์ชั้นนำของประเทศที่เข้าร่วมเสวนาโต๊ะกลม หุ้นไทยไป 2,000 จุด?ส่องหุ้นเด็ดชนะตลาด จัดโดยหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจและสื่อในเครือสปริงนิวส์กรุ๊ป คัดสรร 10 หุ้นทีเด็ด พื้นฐานแน่น ราคาตํ่ากว่าปัจจัยพื้นฐาน และมี Upside สร้างกำไรให้กับผู้ลงทุน

นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บล.กสิกรไทย จก. (มหาชน) แนะนำหุ้นบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (BCP) ที่มีค่าพี/อีตํ่าแค่ 5 เท่า เมื่อตัดราคาหุ้นบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (BCPG) ที่ขึ้นอย่างถล่มทลายออกไป ราคาหุ้น BCP จึงตํ่ามาก ให้ราคาเป้าหมาย 44.50 บาท และมีแนวโน้มจะขยับราคาเป้าหมายขึ้นอีก

MP17-3333-A ตัวที่ 2 นายเผดิมภพ ให้หุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นมา 3 เดือนติดต่อกัน และรัฐบาลเริ่มลงทุนจริง จากก่อนหน้าที่แค่ประกาศประมูล แต่เงินยังไม่มา หุ้นทีเด็ดในกลุ่มนี้คือบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) (STEC) ราคาเป้าหมาย 30.50 บาท ที่เป็นราคาพื้นฐาน

นายอิสระ อรดีดลเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน สายงานวิจัย บล.ไทยพาณิชย์ จก. เลือกหุ้นกลุ่มแบงก์และให้ทีเด็ดที่หุ้น ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) เนื่องจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และสินเชื่อฟื้นตาม ส่วนปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ถึงจุดตํ่าสุดและมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ขณะที่ราคาหุ้น BBL เพิ่งปรับขึ้น มี Upside สูง ให้ราคาเป้าหมาย 245 บาท

ทีเด็ดตัวที่ 2 ที่นายอิสระ เลือกมาให้นักลงทุนคือ บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA) ให้ราคาเป้าหมาย 5.20 บาท อัพไซด์ 17%

MP17-3333-Aa นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีที่ประเมินว่าราคายังไล่ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่ทัน หุ้นทีเด็ดในกลุ่มนี้คือ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)(IVL) ราคาเป้าหมาย 70 บาท

ที่ผ่านมา IVL มีการเทคโอเวอร์ขยายโวลุ่มค่อนข้างมาก โตจากรอบก่อนมาก ราคาหุ้นรอบก่อนเคยไล่ไปที่กว่า 60 บาท และถูกทิ้งมาเหลือแค่กว่า 20 บาท รอบนี้รายได้จะโตจากข้างนอกเป็นเท่าตัว ขณะที่สเปรด มาร์จิ้นยังไม่สูงเท่าก่อน เมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้น ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ของ PET จะขยายตัวสูงตามไปด้วย

ทีเด็ดตัวที่ 2 นายวิจิตรให้หุ้นบริษัทปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)(PTTEP) มีปัจจัยหนุนจากภายนอกและภายใน โดยปัจจัยภายนอก แนวโน้มราคานํ้ามันดิบยังสูง มี 3 เหตุการณ์ที่จะดันราคานํ้ามันดิบ 1. ดีมานด์มา 2. กลุ่มโอเปกลดและตรึงกำลังผลิต และ 3.บริษัทนํ้ามันยักษ์ใหญ่ของซาอุดีอาระเบียกำลังจะไอพีโอหุ้นใหม่

ส่วนปัจจัยภายในเรื่องของการเปิดประมูลรอบใหม่ของแหล่งบงกช และ เอราวัณ จับตาทีโออาร์จะออกมาในช่วงของเดือนกุมภาพันธ์ถ้าออกมาก็จะประมูลกันในไตรมาส 3 ภาพอย่างนี้แนวโน้มจะเกิดในไตรมาส 2 และไตรมาส 3 อาจจะก่อให้เกิดการเก็งกำไร ราคาเป้าหมายที่เคยให้ 106 บาท แต่จะมีการปรับราคารอบใหม่เร็วๆนี้

P1-3333-A นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี จก. (มหาชน) เลือกหุ้น IVL เป็นตัวทีเด็ด โดยราคาปิโตรยังไม่ขยับขึ้นตามราคานํ้ามันและ IVL จะมีเรื่องกำลังการผลิตที่ปรับเพิ่มขึ้น 3 เท่าตัวจาก 3 ล้านตัน เป็น 11 ล้านตัน ขณะที่ราคาหุ้นหากสเปรด PET ขยับขึ้น 1-2% IVL จะมีกำไรมหาศาล ให้ราคาเป้าหมายที่ 70 บาท

ทีเด็ดตัวที่ 2 เป็นหุ้น Growth stock คือบริษัท อินเตอร์ไฮด์ จำกัด (มหาชน)(IHL) เนื่องจาก SET 50 และ SET 100 ขึ้นมามากแล้ว และเชื่อว่าจะมีการพักฐาน จะมีการสลับมาลงทุนหุ้นขนาดกลางที่มี Growth Stock ค่อนข้างมาก ซึ่ง IHL ตอบโจทย์ตรงนี้มากๆ

ปัจจัยสนับสนุน IHL คือมีการตั้งโรงงานแห่งที่ 2 ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า IHL ยังโชคดีคือโรงงานเบาะหนังที่จีนเกิดปัญหามลพิษทำให้ต้องหยุดผลิต ออร์เดอร์จึงไหลมาที่ IHL ตอบโจทย์คุณภาพได้ กำลังการผลิตขึ้น ให้ราคาเป้าหมาย 13 บาท อาจจะมีการปรับอีกรอบ

นายพิชัย เลิศสุพงศ์กิจ รองกรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต จก. แนะนำหุ้นทีเด็ดคือบริษัทปตท. จำกัด(มหาชน)(PTT) และ บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด(มหาชน) (EA) โดยหุ้น PTT ให้ราคาเป้าหมายที่ 570 บาท มี Upside 18% และมีเงินปันผล 4% ถ้าลงทุน PTT จากนี้ไป 1 ปี จะมี Upside 22% เป็นหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศ สถาบันลงทุน และพี/อีตํ่าแค่ 10 เท่า และถ้าคาดการณ์ทิศทางราคาสินค้าโภคภัณฑ์ผิด ตัวธุรกิจหลักคือโรงแยกก๊าซและท่อก๊าซ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 190 บาทของตัว PTT อยู่แล้ว ไม่ได้ผันผวนขึ้นลงตามราคาพลังงานในตลาดโลก ที่สำคัญ PTT ขึ้นน้อยกว่าลูกๆทุกตัว ขึ้นช้ากว่า NAV ของตัวเอง และปีหน้าก็จะ spin of บริษัท PTTOR เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น

ส่วนทีเด็ดสุดของ EA ที่ให้ราคาเป้าหมาย 110 บาท สูงที่สุดในตลาด เพราะว่าถ้านับเฉพาะไฟฟ้าจากพลังงานลมและแสงแดดที่ EA มีสัญญาซื้อขายอยู่ในมือแล้ว รวมถึงที่กำลังจะผลิต มูลค่าอยู่ที่ 27 บาท โดยพลังงานลมและแสงแดด ราคารับรู้ไปมากแล้ว อนาคตที่กำลังมาคือแบตเตอรี่สำรอง หรือ Battery Storage คือ Story หลัก

728x90-03-3-503x62 ปีที่แล้ว EA เพิ่มการถือหุ้นใน AMITA เกิน 51% และควบคุมการบริหารแล้ว AMITA เป็นเจ้าของ Battery Storage ที่ผลิตได้จริง และถูกเลือกจากรัฐบาลจีนให้ทำ Battery Storage ให้รัฐบาล

AMITA ได้ซื้อที่ดินเกือบ 3,000 ไร่ ในฉะเชิงเทรา และได้ตัวผู้รับเหมาและเตรียมพร้อมจะก่อสร้างโรงงาน ถ้ากฎหมายอีอีซีมีผลบังคับใช้ เชื่อว่า EA จะเป็นบริษัทแรกๆที่ลงทุนในอีอีซี ในทันทีเริ่มจะก่อสร้างโรงงานขนาด 1 กิกะวัตต์แรก ใช้เวลา 18 เดือน จะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2020 แต่ในระหว่างทางกำไรปี 2560 EA น่าจะกำไรสุทธิ 4 พันล้านบาท มาปี 2561 กำลังการผลิตไฟที่เข้ามา จะเพิ่มกำไรเป็น 4,800 ล้านบาท และปี 2562 จะกำไร 7,000 ล้านบาท หลังจากนั้นเป็นเรื่องของ Battery Storage ถ้าขึ้น 1 กิกะวัตต์แรกได้ตามแผน อีก 49 กิกะวัตต์ที่เหลือคงไม่ยากที่จะหาพันธมิตรมาช่วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,333 วันที่ 21 - 24 มกราคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9