บาทแข็งสุดรอบ3ปี สวนธปท.แทรกแซง

นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมธุรกิจและกำกับดูแลโกลบัลมาร์เก็ต ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2561 แข็งค่าที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน 2557 โดยทำสถิติแข็งค่าสุดที่ระดับ 31.91 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ

ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากเงินทุนไหลเข้าตลาดพันธบัตรไทยต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 3 -11 มกราคมที่ผ่านมาไหลเข้า 6 หมื่นล้านบาท ประกอบกับมีแรงเทขายดอลลาร์สหรัฐฯทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 2%

“เงินบาททิศทางแข็งค่ากรอบอยู่ที่ 31.80-32.30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ”

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน บมจ.ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่าในช่วงไตรมาสที่ 1 จะเป็นช่วงเงินบาทแข็งค่าที่สุดแนวโน้มดอลลาร์สหรัฐฯยังคงอ่อนค่า ต้องรอดูในช่วงปลายเดือนมกราคมจะมีการประชุมของ FOMC ครั้งแรกและนายโดนัลด์ ทรัมป์ จะแถลงผลงาน จึงมีโอกาสที่จะเห็นดอลลาร์ฟื้นตัวได้

“กรอบล่าง 31.10 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และกรอบบนอยู่ที่ 32.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯเงินทุนไหลเข้า อาจมีผลบ้าง แต่ไม่ใช่ไทยประเทศเดียวที่เงินไหลเข้า เพราะ 1 เดือน พบว่าเงินไหลเข้าตลาดพันธบัตร 1,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อินโดนีเซีย 1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯและเกาหลี 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ”

เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2560 คณะผู้บริหารของสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศ (สรท.)เข้าพบผู้ว่าการ ธปท. เพื่อให้ดูแลค่าเงินบาท ไม่ให้กระทบต่อการส่งออก นางจันทวรรณ สุจริตกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการธปท.กล่าวว่าในบางช่วงที่เงินบาทแข็งค่าเร็วเกินควรธปท.ได้เข้าไปดูแลเพื่อลดผลกระทบต่อผู้ประกอบการ สะท้อนจากเงินสำรองระหว่างประเทศในปี 2560 ที่ปรับสูงขึ้น

สรท.และธปท.เห็นพ้องกันว่าจะสนับสนุนผู้ประกอบการใช้ประโยชน์จากเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เริ่มตั้งแต่กำหนดราคาสินค้าในรูปเงินบาท หรือเงินสกุลคู่ค้าที่มีแนวโน้มเคลื่อนไหวสอดคล้องกับเงินบาท แทนการใช้เงินดอลลาร์เป็นหลัก

ส่วนการช่วยผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้เข้าถึงเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงค่าเงินนั้น ทางการได้ผลักดันโครงการ FX options ปัจจุบันเอสเอ็มอีได้รับ coupon ไปแล้วประมาณ 2,000 ราย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,331 วันที่ 14 - 17 มกราคม พ.ศ. 2561