SPA ลุยขายแฟรนไชส์ตปท.

10 ม.ค. 2561 | 02:20 น.
สยามเวลเนสกรุ๊ป ปักธงขายแฟรนไชส์สปา CLMV ประเดิม 3 สาขาในกัมพูชา ในประเทศ 10 สาขา ตั้งเป้าโต 25% “วิบูลย์” เผยรายได้ปีที่ผ่านมาทำได้ตามเป้าหมาย

[caption id="attachment_248182" align="aligncenter" width="367"] วิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (SPA) วิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (SPA)[/caption]

นายวิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (SPA) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนรุกตลาดการขายสัญญาแฟรนไชส์ธุรกิจสปาในต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบ CLMV ซึ่งเริ่มต้นที่ประเทศกัมพูชาต้นปี 2561 แล้วจำนวน 3 สาขา ที่กรุงพนมเปญ เป็นสาขาเดิมที่คู่ค้ามีอยู่ และมีลูกค้าแล้ว แต่มีปัญหาบริหารจัดการระบบควบคุมดูแล จึงมาใช้แบรนด์ของ SPA ในการดำเนินงาน หากมีแนวโน้มที่ดีมีศักยภาพขยายสาขาไปเมืองเสียมราฐ ที่จะตามมาคือการขยายไปประเทศลาว และเมียนมา

สำหรับรายได้จากการขายแฟรนไชส์ให้กับกัมพูชา มีรายได้ 2 ส่วนคือ รายได้ก้อนแรกจากการขายสัญญาแฟรนไชส์ 3 สาขา รับครั้งเดียว และรายได้ส่วนแบ่งจากการดำเนินงานของแต่ละสาขาแฟรนไชส์ในแต่ละเดือน โดยรายได้ส่วนสัญญาแฟรนไชส์ เป็นเงินก้อนรับครั้งแรกที่มากพอสมควร ขณะที่รายได้ส่วนแบ่งรับแต่ละเดือนเป็นรายได้ที่ขึ้นกับการเติบโตของธุรกิจสปาแต่ละสาขา

บาร์ไลน์ฐาน นายวิบูลย์ กล่าวว่า ปี 2561 แผนการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ มีความโดดเด่น เนื่องจากปีที่ผ่านมา มีการขยายสาขาในประเทศได้เร็วตามเป้าหมาย ทำให้ปี 2561 มีเวลากับการขยายสาขาไปต่างประเทศ ซึ่งดูจากแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจสปาในต่างประเทศ โดยการขยายงานเน้นการขายสัญญาแฟรนไชส์เพียงอย่างเดียว มีเพียงสาขาต้นแบบที่บริษัทดำเนินการเองในประเทศจีนเท่านั้น ปีที่ผ่านมามี 1 สาขาต่างประเทศที่เมืองคุนหมิง ประเทศจีน และอยู่ระหว่างตกแต่งที่เมืองเทียนจิน 1 สาขา

ทั้งนี้สาขาต่างประเทศ ไม่ได้ตั้งเป้าจำนวนสาขา เพื่อไม่ให้มีแรงกดดันในการรีบขายแฟรนไชส์ และให้บริษัทมีทางเลือกพิจารณาคู่ค้า ส่วนในประเทศ มีแผนขยาย 10 สาขา เป้าหมายปีนี้ทั้งหมด 50 สาขา จากปัจจุบันมีสาขาในประเทศ 40 สาขา ประกอบด้วยสาขาแบรนด์ Rarin Jinda Wellness Spa จำนวน 3 สาขา แบรนด์บ้านสวนมาสสาจ 11 สาขา และแบรนด์ Let’s Relax จำนวน 26 สาขา

“ปีที่ผ่านมา SPA สร้างสาขาในประเทศได้เร็ว ทำให้ปีนี้มีเวลามองสาขาต่างประเทศมาก โดยเน้นเฉพาะสัญญาแฟรนไชส์เท่านั้น ซึ่งมีความเสี่ยงตํ่า รายได้ขึ้นกับการขายแฟรนไชส์และส่วนแบ่งรายได้ ส่วนในประเทศดำเนินการเองทั้งหมด ไม่ได้ขายแฟรนไชส์ ขณะนี้ไม่สามารถกำหนดรายได้ในการขายแฟรนไชส์กับรายได้ในประเทศ เพราะต้องดูความต้องการของตลาดต่างประเทศก่อน เบื้องต้นให้ความสำคัญกับสาขาในแถบ CLMV และจีน”

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า ปี 2561 ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ 25% จากปี 2560 ที่ตั้งไว้และความสามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ประมาณ 900 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจากสาขาที่มีอยู่และการขยายสาขาในต่างประเทศ

นายวิบูลย์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีสถาบันติดต่อมา 2-3 ราย ไปให้ข้อมูลนักลงทุนต่างชาติ (โรดโชว์ ) ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเลือกการไปโรดโชว์ และกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ยังไม่มีแผนขายหุ้นเพิ่มให้กับกองทุนหรือสถาบัน ถ้ายังมองไม่เห็นประโยชน์ที่บริษัทได้รับ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,329 วันที่ 7 - 10 มกราคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9