จี้คลอดเศรษฐกิจชีวภาพ เชื่อมโยง‘อีอีซี’สู่ภูมิภาค

02 ม.ค. 2561 | 03:15 น.
สานพลังประชารัฐ จี้ “อุตตม” เร่งเสนอแผนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจชีวภาพเข้าครม.ม.ค.61หวังช่วย ขับเคลื่อนอีอีซีและขยายผลเชื่อมโยงสู่นครสวรรค์และขอนแก่น ประกาศให้เป็นเขตส่งเสริมสร้างเม็ดเงินลงทุน 3.8 แสนล้านในช่วง 10 ปี

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมีคอล จำกัด (มหาชน)หรือพีทีทีจีซี ในฐานะหัวหน้าทีมภาคเอกชนด้านการพัฒนาคลัสเตอร์ภาคอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ภายใต้คณะกรรมการสานพลังประชารัฐเปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ถึงความคืบหน้าการดำเนินงานการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพหรือไบโออีโคโนมีว่า ขณะนี้ทางกระทรวงอุตสาหกรรม อยู่ระหว่างการพิจารณาในรายละเอียดขั้นสุดท้าย

[caption id="attachment_246106" align="aligncenter" width="342"] ประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมีคอล จำกัด (มหาชน)หรือพีทีทีจีซี ประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท พีทีที โกลบอล เคมีคอล จำกัด (มหาชน)หรือพีทีทีจีซี[/caption]

โดยในการประชุมคณะกรรมการสานพลังประชารัฐ มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ที่ผ่านมา ได้มีการกำชับไปยังนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ไปเร่งดำเนินการนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเห็นชอบเร็วที่สุดหรือไม่เกินเดือนมกราคม 2561 เนื่องจากแผนยุทธศาสตร์ฯดังกล่าว ถือเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี เพราะเป็น 1 ในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะเกิดขึ้นในอีอีซีและขยายไปสู่พื้นที่อื่นๆ

ทั้งนี้ ในแผนดังกล่าวจะมีการเสนอขอให้จัดตั้งพื้นที่ในจังหวัดขอนแก่น จำนวน 3 พันไร่ และจังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 2 พันไร่ เป็นเขตส่งเสริมเศรษฐกิจชีวภาพขึ้นมานำร่องก่อน และหลังจากนั้นตามด้วยพื้นที่ในจังหวัดกำแพงเพชรประมาณ 1พันไร่เนื่องจากเป็นพื้นที่อยู่ใกล้แหล่งเพาะปลูกอ้อยนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตต่อ ยอดเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงจากการพัฒนาอีอีซีสู่ภูมิภาคต่างๆ

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า สำหรับกรอบการลงทุนในระยะเวลา 10 ปี (2560-2569) คิดเป็นเม็ดเงินราว 3.8 แสนล้านบาท โดยระยะแรกนำร่องในช่วง 5 ปี(2561-2565) คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนไม่ตํ่ากว่า 1 แสนล้านบาท โดยเป็นการลงทุนต่อยอดอุตสาหกรรมชีวภาพในพื้นที่อีอีซี ในกลุ่ม ไบโอพลาสติก, Biopharma, Palm Biocomplex ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ของบบริษัท โกล บอลกรีน เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือจีจีซี ซึ่งเป็นบริษัทลูกของพีทีทีจีซี แบ่งเป็นการลงทุนในจังหวัดชลบุรีประมาณ 4 พันล้านบาท และจังหวัดระยองอีกประมาณ 5,740 ล้านบาท

ประกอบกับ หากแผนยุทธศาสตร์ฯได้รับการเห็นชอบจากครม.จะทำให้เกิดการเชื่อมโยงสู่การพัฒนา BiorefineryComplexที่ใช้นํ้าตาลและ มันสำปะหลังเป็นพืชนำร่องในเขตจังหวัดนครสวรรค์เงินลงทุนประมาณ 4.1 หมื่นล้านบาท ในจังหวัดขอนแก่น ลงทุนอีกประมาณ 6 หมื่นล้านบาทรวมทั้งในเขตจังหวัดกำแพงเพชร เงินลงทุนประมาณ 2.15 หมื่นล้านบาท

นายประเสริฐ กล่าวเสริมอีกว่า ส่วนความเป็นไปได้ด้านการลงทุน ขณะนี้การหารือมีความคืบหน้าไปมากแล้ว ซึ่งมีเอกชนกว่า10ราย สนใจที่จะเข้าไปลงทุนในแต่ละพื้นที่ซึ่งกำลังรอว่าแผนยุทธศาสตร์ฯการพัฒนาทางรัฐบาลจะเห็นชอบได้เมื่อใด

โดยเฉพาะการเสนอให้แก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุน ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.อ้อยและนํ้าตาล ที่อยู่ระหว่างปรับปรุงในเรื่องการตั้งโรงงานที่ใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบ สามารถดำเนินการได้ในระยะไม่เกิน 50 กิโลเมตร จากโรงงานนํ้าตาลที่ตั้งอยู่แล้วได้ รวมถึงการนำนํ้าอ้อยมาเป็นวัตถุดิบผลิตผลิตภัณฑ์อย่างอื่นได้ อีกทั้งแนวทางและนโยบายการรับซื้อไฟฟ้าชีวมวล ที่สำคัญการแก้ไขผังเมืองเดิมที่เป็นพื้นที่สีเขียวให้สามารถตั้งโรงงานได้ เป็นต้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,327 วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2560 - 3 มกราคม พ.ศ. 2561
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9