KBANK เจาะเศรษฐีจีน เป้าแรก 250 รายในไทย โกยยอด 1.25 หมื่นล้าน

30 ธ.ค. 2560 | 08:34 น.
ไพรเวตแบงก์ธนาคารกสิกรไทยรุกจับเศรษฐีจีนในไทย ตั้งทีมดูแลเฉพาะ-วิเคราะห์เอกสารภาษาจีน ชูจุดแข็งความสัมพันธ์ปึ้ก หลังได้ไลเซนส์ธนาคารท้องถิ่น คาดปีแรก 250 ราย สินทรัพย์ภายใต้บริหาร 1.25 หมื่นล้านบาท

[caption id="attachment_235460" align="aligncenter" width="503"] จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ จิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์[/caption]

นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจบริการไพรเวตแบงก์ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK) เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในปี 2561 ธนาคารตั้งเป้าเป็น Best Private Banking for Chinese โดยอาศัยจุดแข็งที่ธนาคารกสิกรไทยทำงานร่วมกับจีนมานาน และมีทีมงานที่สามารถสื่อสารภาษาจีนได้ ตลอดจนธนาคารกสิกรไทยเพิ่งได้รับการอนุมัติจากทางการจีนยกระดับเป็นธนาคารท้องถิ่นในประเทศจีน ซึ่งสามารถทำธุรกรรมและธุรกรรมครบวงจร ประกอบกับคนจีนที่เข้ามาอาศัยในประเทศไทยมีจำนวนมากกว่า 10 ล้านคน และมีความสนใจในด้านการลงทุนเช่นเดียวกับลูกค้าคนไทย ธนาคารจึงให้ความสนใจ และจะเข้าไปให้บริการกับลูกค้าคนจีนกลุ่มนี้มากขึ้นในปีหน้า

เพื่อให้การดูแลลูกค้าจีนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ KBANK ตั้งทีมงานที่ดูแลด้านจีนโดยเฉพาะเบื้องต้นมีเจ้าหน้าที่รวม 10 คน โดยเป็นทีมธุรกิจข้ามชาติ ทีมวิเคราะห์เศรษฐกิจที่พูดภาษาจีนและแปลเอกสารวิเคราะห์ และทีมไพรเวตแบงก์เข้ามาเสริม

TP14-3326-A KBANK ตั้งเป้าปี 2561 มีลูกค้าคนจีนเข้ามาใช้บริการหรือเป็นลูกค้าไพรเวตแบงก์ 250 ราย และมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ(AUM) ประมาณ 1.25 หมื่นล้านบาท เฉลี่ยมีสินทรัพย์ประมาณ 50 ล้านบาทต่อราย ซึ่งปัจจุบันธนาคารมีฐานลูกค้าคนจีนที่เป็นลูกค้าไพรเวตแบงก์จำนวน 50 ราย และเป็นลูกค้าที่ถือบัตร Wisdom จำนวน 1,300 ราย จากฐานลูกค้าทั้งหมด 1.6 แสนราย โดยธนาคารจะพยายามแนะนำให้ลูกค้าคนจีนที่ถือบัตร Wisdom ยกระดับเข้ามาใช้บริการ Private Banking มากขึ้น

สำหรับภาพรวมธุรกิจไพรเวตแบงก์ในปี 2561 ธนาคารยังคาดว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) โลกจะขยายตัวต่อเนื่องที่ระดับ 3.6% จากปีนี้อยู่ที่ 3.5% อัตราเงินเฟ้อจะทรงตัวในระดับที่ไม่น่ากังวล ความเสี่ยงที่สำคัญในปีหน้าจะมาจากการเลือกตั้งในอิตาลีและบางรัฐในสหรัฐฯ ปัญหาเกาหลีเหนือ เยรูซาเลม และการตรวจสอบการเลือกตั้งของสหรัฐฯ เอง

สำหรับประเทศกำลังพัฒนา คาดว่าจีดีพีจะเติบโต 4.9% นำโดย จีนที่น่าจะขยายตัวได้ราว 6.5% ชะลอตัวลงจากนโยบายที่เข้มงวดมากขึ้น อินเดียที่เติบโตราว 7.4% เติบโตสูงขึ้น หลังชะลอตัวจากการยกเลิกธนบัตร และการปฏิรูปภาษีที่กระทบเศรษฐกิจชั่วคราว

สำหรับเศรษฐกิจไทยคาดว่าสดใสเติบโตต่อเนื่อง 3.4-4% ซึ่งปีหน้าก็น่าจะเป็นปีที่ดีสำหรับการลงทุนและส่งให้ธุรกิจบริการไพรเวตแบงก์เติบโตต่อเนื่อง ภายใต้ “PERFECT WEALTH” e-Multimedia Publication โดยธนาคารจะทยอยออกผลิตภัณฑ์กองทุนรวมมาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า และแนะนำให้ลงทุนในหุ้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ มีสัดส่วนการลงทุนทั้งในจีนและอินเดีย เพื่อกระจายความเสี่ยง โดยตั้งเป้ากรอบอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 6-8% และตั้งเป้ารายได้ค่าธรรม เนียมอยู่ที่ 11%

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,326 วันที่ 28 - 30 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9-10