ไออาร์พีซีไปได้สวย3ปี ครบเครื่องGDPโตยั่งยืน ปีหน้าลุ้นปันผลสูงตปท.ซื้อหุ้นเพิ่ม

06 ธ.ค. 2560 | 10:03 น.
ไออาร์พีซีวิ่งเข้าเป้าติดอันดับต้นๆผู้นำปิโตรเอเชีย อีบิตดา 2.9 หมื่นล้านบาท ส่วนปีหน้า กำไรโต มีโอกาสจ่ายเงินปันผลสูง คาดได้ปรับอันดับเครดิตเพิ่มขึ้น นักลงทุนต่างชาติเข้ามาซื้อหุ้นได้

นายสุกฤตย์ สุรบถโสภณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้การลงทุนต่างๆเป็นไปตามแผนที่วางไว้ทุกอย่าง โครงการเอเวอเรสต์จะจบลงในสิ้นปีนี้ ทำให้ผลการดำเนินงานและประสิทธิภาพของไออาร์พีซีดีขึ้น คาดว่าในปี 2563 จะมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อม (อีบิตดา-EBITDA) จำนวน 2.9 หมื่นล้านบาท ซึ่งเทียบเท่ากับความสูงของยอดเขาเอเวอเรสต์ที่ระดับ 29,029 ฟุต และสามารถบรรลุเป้าหมายอัตราผลตอบแทนการลงทุนจากส่วนทุนหรือ Return On Invested Capital-ROIC 14% ปัจจุบันอยู่ที่ 8% ติดอันดับ 1 ใน 4 หรือ “Top Quartile” ของผู้นำกลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีในเอเชีย-แปซิฟิก

[caption id="attachment_26529" align="aligncenter" width="378"] สุกฤตย์ สุรบถโสภณ สุกฤตย์ สุรบถโสภณ[/caption]

ปัจจุบัน บริษัท ไออาร์พีซีฯ มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับบริษัทชั้นนำอื่นๆ คือ มี GDP ได้แก่ มีการเติบโต (GROWTH) มีการนำดิจิตอล (DIGITAL) มาใช้ในการจัดการช่วยเพิ่มมูลค่า และเปลี่ยนดีเอ็นเอของคนไออาร์พีซี (PEOPLE) เพื่อให้พลังความมุ่งมั่นเดินหน้าไม่มีวันหยุด เช่นคิดและทำเปรียบเสมือนการเป็นเจ้าของ ไม่ใช่ทำงานตามคำสั่ง มีการพัฒนาต่อเนื่อง ต้องทำงานร่วมกัน และแก้ไขปัญหาเชิงรุก

กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ในปีนี้ ไตรมาส 3 มีกำไรสุทธิ 3,247 ล้านบาท และรวม 9 เดือนมีกำไรสุทธิรวม 6,841 ล้านบาท ไตรมาส 4 จะดีกว่าไตรมาส 3 และแนวโน้มในปี 2561 จะดียิ่งกว่าปีนี้ ซึ่งมีโอกาสที่จะสามารถจ่ายเงินปันผลได้สูงขึ้น เนื่องจาก บริษัทไม่มีแผนลงทุนขนาดใหญ่ มีเพียงโครงการต่อเนื่อง 3 โปรแกรม เช่น Power of Growth คาดดำเนินการ 2 ปี เพื่อต้องการให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างยั่งยืน แม้ว่าอุตสาหกรรมจะเข้าสู่วัฏจักรขาลง ไออาร์พีซีก็จะไม่ขาดทุนอีกแล้ว คาดใช้เงินลงทุนไม่เกิน 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ/ปี แต่ได้มูลค่าเพิ่ม 100 ล้านดอลลาร์ฯ/ปี

MP17-3319-A ขณะเดียวกัน ในปีหน้า การผลิตจะเดินตามปกติ ไม่มีการปิดโรงงานเพื่อปรับปรุง เหมือนในช่วงต้นปีนี้ รวมถึงโครงการที่ลงทุนไว้ก่อนหน้านี้ 4 โครงการแล้วเสร็จ สามารถรับรู้รายได้และกำไรเต็มปี เช่น ธุรกิจไฟฟ้าจะสร้างกำไรให้ประมาณ 400-500 ล้านบาท/ปี โครงการเอเวอเรสต์ คาดว่าจะสร้าง EBIT ประมาณ 7,000 ล้านบาทภายในปีนี้ และจะเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาทในปีหน้า

นายสุกฤตย์กล่าวว่า การดำเนินงานที่ดีขึ้น เมื่อพิจารณาจากกระแสเงินสดบริษัทจะมีความสามารถในการลงทุนได้ถึง 1 แสนล้านบาท สำหรับแผน 5 ปี โดยแบ่งเงินลงทุนออกเป็น 3 ส่วนใกล้เคียงกัน เช่น ส่วนแรก สำหรับการลงทุนในโครงการบียอน เอเวอเรสต์ เพิ่มกำลังการผลิตพาราไซรีนและเบนซิน ส่วนที่ 2 เตรียมไว้เพื่อซื้อกิจการทั้งในและต่างประเทศที่กำลังศึกษาความเป็นไปได้หลายโครงการ แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะสำเร็จเมื่อไร เพื่อให้ ROIC ถึงเป้าหมาย 14% ขณะที่อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (ดี/อี) ค่อนข้างตํ่า ประมาณ 0.60 เท่าสิ้นไตรมาส 3 โดยบริษัทจะดูแลไม่ให้เกิน 0.8 เท่า ตํ่ากว่านโยบายที่ปตท.กำหนดไว้ที่ 1 เท่า

แบนเนอร์รายการฐานยานยนต์-2 “เรามีกำไรสุทธิติดต่อกันเป็นปีที่ 3 และจะดีต่อเนื่องอีก 3 ปี มีสภาพคล่องเหลืออยู่ จะต้องหาการลงทุนที่ให้อัตราผลตอบแทนที่สูง สะสมขุมกำลังไว้ในช่วงวัฏจักรขาลง แต่หากยังหาซื้อกิจการไม่ได้ก็จะต้องนำมาจ่ายเงินปันผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้น” นายสุกฤตย์ กล่าว

กรรมการผู้จัดการใหญ่ กล่าวว่า ไออาร์ซีพีมีอันดับเครดิตตํ่ากว่าที่ลงทุนได้ ปัจจุบันสามารถแก้จุดอ่อนได้แล้ว เรื่อง Credit Rate cash 10% ในปีหน้าสถาบันจัดอันดับต่างประเทศจะเข้ามาทบทวนข้อมูล คาดว่าจะได้รับการปรับอันดับความน่าเชื่อถือขึ้นเหนือระดับที่ลงทุนได้ นักลงทุนต่างชาติสามารถเข้ามาลงทุนในหุ้นไออาร์พีซีได้ ช่วยเพิ่มจำนวนผู้ถือหุ้นต่างชาติจากปัจจุบันมีสัดส่วนการถือหุ้นรวม NVDR ประมาณ 20% เท่านั้น

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,319 วันที่ 3 - 6 ธันวาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว