จี้ลดกำไรแอลพีจี ผู้ค้าฟัน3.25บ./กก.

26 พ.ย. 2560 | 14:11 น.
นักวิชาการจี้รัฐปรับลดค่าการตลาดแอลพีจีลง จากปัจจุบัน 3.25 บาทต่อกิโลกรัม พร้อมผลักดันจำนวนผู้ค้าปลีกให้เพิ่มมากขึ้น เป็นกลไกการแข่งขัน

[caption id="attachment_188018" align="aligncenter" width="503"] นายมนูญ ศิริวรรณ นายมนูญ ศิริวรรณ[/caption]

นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน ในฐานะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านพลังงานเปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากนโยบายการปล่อยลอยตัวราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจี ส่งผลให้ปัจจุบันผู้ค้ามีค่าการตลาดก๊าซหุงต้มภาคครัวเรือนสูงเกินไปถึง 3.25 บาทต่อกิโลกรัม ดังนั้น กระทรวงพลังงานจำเป็นต้องเร่งศึกษาค่าการตลาดก๊าซแอลพีจี ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมทั้งต้องการให้โครงสร้างราคา แอลพีจีใกล้เคียงกับนํ้ามันอีกทั้งภาครัฐควรส่งเสริมให้มีจำนวนผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น เพราะหากมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาในระบบมากขึ้น ตลาดแอลพีจีย่อมเกิดการแข่งขันเพิ่มขึ้น

วิทยุพลังงาน โดยปัจจุบันพบว่ายังมีผู้ค้าปลีกแอลพีจีไม่มากนัก โดยเฉพาะตลาดแอลพีจีภาคครัวเรือน ที่พบว่ายังมีข้อจำกัดเรื่องถังก๊าซ หากภาครัฐเข้าไปกำกับมีหน่วยงานกลางที่เข้ามาดูแลถังก๊าซแอลพีจี ทำให้ภาระไม่ต้องตกเป็นของผู้ค้ารายใดรายหนึ่งมากเกินไป เชื่อว่าจะมีผู้ค้าปลีกเข้ามาดำเนินธุรกิจแอลพีจีเพิ่มขึ้น และจะทำให้กลไกค่าการตลาดแอลพีจีลดลง
รวมถึงแอลพีจีภาคขนส่ง พบว่าค่าการตลาดปัจจุบันนับว่าอยู่ในระดับสูง เนื่องจากมีผู้ประกอบการสถานีบริการแอลพีจีีไม่มากเช่นกัน ดังนั้นค่าการตลาดในส่วนนี้อาจต้องปรับลดลง แต่ภาครัฐไม่ควรเข้าไปแทรกแซงค่าการตลาด แต่ควรส่งเสริมให้มีจำนวนผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับตลาดนํ้ามัน ปัจจุบันภาครัฐไม่ได้กำหนดตายตัวว่าค่าการตลาดจะต้องอยู่ที่ระดับ 1.50 บาทต่อลิตร แต่จะพิจารณาถึงความเหมะสมไม่ให้ค้ากำไรเกินควรมากเกินไป ประกอบกับมีผู้ค้าหลายรายทำให้เกิดการแข่งขันสูง

อย่างไรก็ตาม ระดับค่าการตลาดแอลพีจีที่เหมาะสมนั้น คงต้องรอทางสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ศึกษาให้แล้วเสร็จก่อน ตามมติของคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ที่ต้องการให้ตลาดแอลพีจีใกล้เคียงกับตลาดนํ้ามันมากขึ้น คาดว่าจะใช้กรอบระยะเวลาศึกษา 6-8 เดือน

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,317 วันที่ 26 - 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว