เดอะเฟสชอป เปิดตัว "แต้ว ณฐพร" นั่งพรีเซ็นเตอร์คนไทยคนแรก

22 พ.ย. 2560 | 11:09 น.
เดอะเฟสชอป กางแผนธุรกิจปี 61 เดินหน้าปูพรมสาขาทั่วไทยให้ครบ 110 แห่ง ดันเป้าหมายเติบต พร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ คนไทยคนแรกของแบรนด์ “แต้ว ณฐพร”  หวังเป็นตัวกระตุ้นตลาดสินค้าใหม่กลุ่ม “คูชชั่น” ยอดขายทะลุ 5-6 แสนตลับ

[caption id="attachment_234282" align="aligncenter" width="503"] นายพิธาน องค์โฆษิต นายพิธาน องค์โฆษิต[/caption]

นายพิธาน องค์โฆษิต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทีเอฟเอส (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเดอะเฟสชอปอย่างเป็นทางการในประเทศไทย  เปิดเผยถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี  2561 ว่า  ได้เตรียมขยายร้านเดอะเฟสชอปให้ ครบ 110 แห่ง  จากปีนี้ที่คาดว่าจะขยายได้ครบ 83-85 แห่ง  โดยใช้งบลงทุนสาขาละ 1.5-2 ล้านบาท  หรือประมาณ 50 ล้านบาท  ขณะเดียวกันยังวางแผนขยายร้านเนเชอรัล คอลเลคชั่น  ซึ่งเป็นร้านมันติแบรนด์ของบริ ษัทอีก 7-8 แห่ง  โดยการขยายสาขาจะมุ่งไปยังตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น  เนื่องจากในพื้นที่กรุงเทพฯ ได้ขยายสาขาครอบคลุมจำนวนมากแล้ว  ส่วนเป้าหมายด้านยอดขายในปีหน้าคาดว่าจะมีประมาณ 850-900 ล้านบาท  จากปีนี้ที่คาดว่าจะมียอดขาย 650 ล้านบาท  ซึ่ง 10 เดือนแรกที่ผ่านมาทำยอดขายได้ 600 ล้านบาทแล้ว

ส่วนแผนการตลาดในช่วงปลายปีนี้  บริษัทได้เปิดตัวแบรนด์ แอมบาสเดอร์ของเดอะเฟสชอป  “แต้ว  ณฐพร” ซึ่งเป็นคนไทยคนแรกของแบรนด์ เดอะเฟสชอป  ขณะที่ประเทศต่างๆ ที่แบรนด์เดอะเฟสชอปทำตลาดนอกเกาหลี  ยังคงใช้ศิลปินเกาหลีเป็นพรีเซ็นเตอร์  นอกจากนี้ ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มคูชชั่นอีก 3 รายการ  จากปกติมีสินค้าจำหน่ายก่อนหน้านี้ 3 รายการ  ซึ่งผลิตภัณฑ์คูชชั่นที่เปิดตัวครั้งนี้คาดว่าจะทำยอดขายได้ รวม 5-6 แสนตลับ หรือคิดเป็นมูลค่า 250-300 ล้านบาท  จากปีที่ผ่านมาได้เริ่มจำหน่ายคูชชั่นและมียอดขายกว่า 2 แสนตลับ

TheFaceshop Part Business 5 “การเลือกแต้ว ณฐพร มาเป็นพรีเซ็นเตอร์  เพราะกลุ่มเป้าหมายในต่างจังหวั ดรู้จัก ให้ความนิยมและชื่นชอบนั กแสดงไทยมากกว่านักแสดงเกาหลี ทำให้เดอะเฟสชอปประเทศไทย ซึ่งเดิมใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์ ชาวเกาหลีตามนโยบายของบริษัทแม่ ตัดสินใจเลือกใช้แบรนด์ แอมบาสเดอร์ชาวไทยแทนโดยได้รั บความเห็นชอบจากบริษัทแม่  ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ เดอะเฟสชอปใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์ ที่ไม่ใช่ชาวเกาหลี  โดยบริษัทเตรียมงบประมาณการตลาด 80-90 ล้านบาท พร้อมกับเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุด Miracle Finish Cushion  ที่จะเผยแพร่พร้อมกันทั่ วประเทศผ่านสื่อออฟไลน์ และออนไลน์

ส่วนภาพรวมธุรกิจเครื่องสำอางและบำรุงผิว  ในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติ บโต 11% หรือมีมูลค่าประมาณ 2.7 แสนล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มสกินแคร์ 7 หมื่นล้านบาท  และกลุ่มเมคอัพอีก 2 แสนล้านบาท โดยภาพรวมตลาดมีอัตราการเติบโตลดลงจากปีที่ผ่านมา  ที่มีอัตราการเติบโต 15% หรือมีมูลค่ากว่า 2.5 แสนล้านบาท  เนื่องจากปัจจุบันสภาพตลาดเริ่มเข้าสู่สภาวะการอิ่มตัวของผู้บริโภค โปรโมทแทรกอีบุ๊ก