Vivo เปิดเกมรุก บุกตลาดทั่วโลก

24 ต.ค. 2560 | 07:00 น.
Vivo แบรนด์สมาร์ทโฟนชั้นนำระดับโลกน้องใหม่ เฉลิมฉลองการเข้าสู่ตลาดฮ่องกงเป็นครั้งแรกด้วยการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด X20 จากตระกูล X Series ตามแผนการขยายเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงไต้หวัน สิงคโปร์ และรัสเซีย ที่ถือเป็นก้าวแรกในการบุกตลาดยุโรป ตามด้วยตลาดแอฟริกาในช่วงต้นปีหน้า

แบรนด์สมาร์ทโฟนจีนเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในปีที่แล้ว โดยข้อมูลจาก Counterpoint เผยให้เห็นว่า แบรนด์สมาร์ทโฟนจีนทำสถิติ ครองส่วนแบ่งตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกถึง 48% พร้อมเดินหน้าขยายแบรนด์ ออกไปนอกตลาดจีนอย่างต่อเนื่อง สำหรับ Vivo เองนั้น มุ่งต่อยอดความสำเร็จของสมาร์ทโฟนยอดนิยม V7+ ที่สร้างปรากฏการณ์มาแล้วในอินเดีย ประเทศไทย ฟิลิปปินส์ เมียนมา มาเลเซีย อินโดนีเซีย ปากีสถาน กัมพูชา และบังกลาเทศ โดยบริษัทกำลังขยายขอบเขตการเข้าถึงและการนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงและเทคโนโลยีก้าวล้ำ ที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและการกล้าแสดงออกในกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั่วโลก

"นับตั้งแต่บุกตลาดต่างประเทศเป็นครั้งแรกในปี 2014 เราได้มุ่งมั่นทุ่มเทในการทำความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคผ่านทางการวิจัยเชิงลึก เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ทั้งทันสมัยและมีรูปลักษณ์สวยงาม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของพวกเขา" Alex Feng รองประธานอาวุโสของ Vivo กล่าว "เราตื่นเต้นที่จะได้นำผลิตภัณฑ์คุณภาพและล้ำสมัยบุกตลาดฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ รัสเซีย และแอฟริกา ในเดือนต่อๆ ไปจากนี้ ด้วยการออกแบบที่ใส่ใจและคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นสำคัญ เราหวังว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้ คนรุ่นใหม่ทั่วโลกเป็นตัวของตัวเองและมีความมั่นใจในตัวเอง"

การประกาศขยายตลาดครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่เมื่อไม่นานมานี้ Vivo ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นแฟลกชิปที่สุดแห่งเซลฟี่ อย่าง V7+ ซึ่งมาพร้อมกล้องหน้าความละเอี ยด 24 เมกะพิกเซลครั้งแรกของวงการ และจอแสดงผลแบบ FullView(TM) ในหลายประเทศทั่วเอเชีย V7+ คือสมาร์ทโฟนที่เน้นการถ่ายเซลฟี่ สะท้อนวิสัยทัศน์ของ Vivo ที่ต้องการสนับสนุนให้คนรุ่ นใหม่กล้าแสดงออก สมาร์ทโฟนรุ่นนี้ไม่ได้มีดีแค่ กล้องเท่านั้น แต่ยังมีความสามารถรอบด้าน ตั้งแต่การถ่ายรูปไปจนถึ งจอแสดงผล ช่วยให้ผู้บริโภคที่ชอบเล่ นโซเชียลได้สนุกสนานเพลิดเพลิ นไปกับการบันทึกทุกความทรงจำที่ มีค่า

 

การศึกษาวิจัยล่าสุดของ Gartner ระบุว่า Vivo รั้งอันดับที่ 5 ด้านยอดขายสมาร์ทโฟนทั่ วโลกในไตรมาสที่ 2 ของปี 2017 โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 6.6%