ในหลวงภูมิพล 70 ปีครองราชย์ 89 ปีครองใจไทย

-13 ต.ค.60- เวลา15.52 น. วันที่ 13ต.ค.2559 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ เสด็จสวรรคต  ณ โรงพยาบาลศิริราช ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89 ทรงครองราชสมบัติได้ 70 ปี นับเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่หลวงของพสกนิกร

หยาดน้ำตาของปวงชนชาวไทย น่าจะสะท้อนได้ดีที่สุดที่สื่อถึงความจงรักภักดีที่ต่อรัชกาลที่ 9 เเห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ เมื่อหนึ่งปีก่อน...... วันพุธที่ 12 ต.ค.2559 ประชาชนทั่วทุกสารทิศมีความวิตก เพราะเมื่อสิ้นประกาศสำนักพระราชวัง เรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ มาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 38

คนไทยพร้อมใจกันเดินทางไปยัง โรงพยาบาลศิริราชเพื่อรอฟังข่าวพระอาการประชวรของในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้วยความจงรักภักดี วันพฤหัสบดีที่13 ต.ค.2559 คนไทยพร้อมใจสวมใส่เสื้อสีเหลืองและสีชมพู รวมตัวกันที่ลานพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศ อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก หน้าศาลาศิริราช 100 ปี สวดมนต์บทโพชฌังคปริตรภาวนาให้ในหลวงภูมิพลทรงหายจากพระอาการประชวร
แต่ช่วงบ่ายในวันนั้น....คล้ายว่าธรรมชาติรับรู้ และส่งสัญญาณบางอย่างออกมาที่ต้องการสื่อให้คนไทยรับรู้ว่า แผ่นดินสยามจะเกิดการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ที่สุดเเล้วปฏิหาริย์ ไม่มีจริง.....”แผ่นดินสยามร่ำไห้เมื่อไร้ราชาภูมิพล” เพราะเมื่อเวลา 18.47 น. สำนักพระราชวังประกาศ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร สวรรคต
เวลา19.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยความตอนหนึ่งว่า “การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมนาถบพิตร ถือเป็นความวิปโยคยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ของปวงชนชาวไทยทั้งประเทศนับแต่การเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 8 เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2489 ในวินาทีที่คนไทยได้รับรู้ว่า “..ในหลวงสวรรคต" ยามนั้นเสมือนว่า ”...แสงสว่างที่นำทางคนไทยมาตลอดชีวิตดับลงเเล้ว” เพลงสรรเสริญพระบารมีและเสียงทรงพระเจริญดังกึกก้องทั่วทั้งโรงพยาบาลศิริราชเเละทุกหัวระเเหงของเเผ่นดินไทย เเทบทุกสายตาส่องไปยังห้องที่พระองค์ประทับชั้น 16 อาคารเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลศิริราช
แม้ล่วงเข้ายามค่ำคืนแต่หัวใจคนไทยมีจุดหมายเดียว ถนนทุกสายมุ่งสู่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อไปร่วมแสดงความจงรักภักดีและถวายความอาลัย เพียงแค่หวังว่า...ขอได้อยู่ใกล้ ๆ ”พ่อของเเผ่นดิน” เป็นครั้งสุดท้าย หากจำกันได้...ในค่ำคืนวันนั้น ณ เวลา 22.00น.เศษ เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ยากเกิดขึ้น "หมอกธุมเกตุ" ปกคลุมทั่วทั้งพระนคร ซึ่งตำราบันทึกไว้ว่า “มักจะเกิดขึ้นในเวลาที่บ้านเมืองเกิดเหตุการณ์ใหญ่ ๆ” เช่น เหตุการณ์สวรรคตของพระเจ้าแผ่นดินมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์  และเมื่อครั้งในหลวงรัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคต มีบันทึกว่าได้เกิดปรากฏการณ์ "หมอกธุมเกตุ" เช่นกัน ดังข้อความบางส่วนจากพระนิพนธ์ใน หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล "23 ตุลาคม 2453 เมื่อแผ่นดินสยามร้องไห้" ที่ได้บรรยายไว้ว่า

"พวกราษฎรเอาเสื่อไปปูนั่งกันเป็นแถวตลอดสองข้างทาง จะหาหน้าใครที่มีแม้แต่ยิ้มก็ไม่มีสักผู้เดียวทุกคนแต่งดำน้ำตาไหลอย่างตกอกตกใจด้วยไม่เคยรู้รส อากาศมืดคุ้มมีหมอขาวลงจัดเกือบถึงหัวคนเดินทั่วไป ผู้ใหญ่เขาบอกว่านี่แหละหมอกธุมเกตุ ที่ในตำราเขากล่าวถึง ว่ามักจะมีในเวลาที่มีเหตุใหญ่ๆเกิดขึ้น" ในค่ำวันเดียวกัน สำนักพระราชวังเผยแพร่หมายกำหนดการว่า เวลา 17.00 น. วันศุกร์ที่ 14 ตุลาคม 2559 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 เสด็จฯทรงประกอบพระราชพิธีสรงน้ำพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ณ พระที่นั่งพิมานรัตยา ในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
ต่อมา สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เดินนำขบวนอัญเชิญพระบรมศพลงจากอาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 16  มีคณะนายแพทย์ และพยาบาลที่ถวายการรักษาพยาบาลเลื่อนพระแท่นพยาบาลอัญเชิญพระบรมศพเข้าสู่ลิฟต์ จากนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ เสด็จตามพระบรมศพฯ เมื่ออัญเชิญพระบรมศพฯ ถึงชั้นล่างของอาคารเฉลิมพระเกียรติ ทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ อัญเชิญพระบรมศพ ขึ้นสู่รถอัญเชิญพระบรมศพฯ ที่เทียบรออยู่หน้าประตูทางเข้าลิฟต์ชั้นใต้ดิน เวลา 15.30 น.วันที่ 14 ต.ค. 2559 สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนิน พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ โดยรถพระที่นั่งจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปยังอาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 16 โรงพยาบาลศิริราช เวลา 15.56 น. ขบวนพิธีเคลื่อนพระบรมศพ เริ่มเคลื่อนขบวนอัญเชิญพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ออกจากโรงพยาบาลศิริราช สู่พระบรมมหาราชวัง โดยรถตู้ ทะเบียน 1ด0929 โดยขบวนพิธีเคลื่อนพระบรมศพได้เคลื่อนออกจากโรงพยาบาลศิริราชผ่านถนนอรุณอมรินทร์ ข้ามสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า เลี้ยวขวาเข้าแยกผ่านพิภพลีลาเข้าสู่ถนนราชดำเนินใน ผ่านถนนหน้าพระลาน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนมหาราชเข้าสู่ประตูวิเศษไชยศรี โดยขบวนพิธีได้เคลื่อนถึงพระบรมมหาราชวังในเวลา 16.55 น. บรรยากาศวันนั้นเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและความเศร้าโศกที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของคนไทย
เเต่ในความรู้สึกของพสกนิกรนั้น “ในหลวงภูมิพลยังสถิตในใจไทยนิรันดร์”