ระหว่างวันที่ 24-27 กันยายน 2560 กระทรวงการต่างประเทศ โดยกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ จัดโครงการนำคณะเยือนเอธิโอเปีย เพื่อสำรวจศักยภาพและความเป็นไปได้ของโอกาสทางการค้าและการลงทุน ตามนโยบายการผลักดันยุทธศาสตร์ ส่งเสริมขีดความสามารถในการ แข่งขันทางเศรษฐกิจของไทยกับประเทศคู่ค้าเป้าหมายที่เป็นยุทธศาสตร์และตลาดใหม่ โดยมีนายนิกรเดช พลางกูร รองอธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เป็นหัวหน้าคณะ และมีผู้แทนจากสำนักงานการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงไนโรบี สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) เข้าร่วมโครงการ
ในระหว่างการเยือน คณะได้พบหารือหน่วยงานภาครัฐ ทั้งในส่วนภาคการลงทุน (Ethiopia Investment Commission) ภาคการธนาคาร (Development Bank of Ethiopia) และภาคเอกชนและสมาคมการค้าต่างๆ ในนามของสภาหอการค้าฯ (Ethiopian Chamber of Commerce and Sectoral Association) ของเอธิโอเปีย ครอบคลุมประเด็นต่างๆ ที่สำคัญ แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน และรับทราบนโยบายการค้าระหว่างประเทศ สภาพทางเศรษฐกิจและสังคม เงื่อนไข กฎระเบียบข้อบังคับที่สำคัญ สิทธิประโยชน์ต่างๆ ตลอดจนข้อมูลอันเป็นข้อเท็จจริงในพื้นที่ อาทิ
การเงินและการธนาคาร สกุลเงินท้องถิ่นคือ Birr (อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อ 23.50 Birr ณ วันที่ 4 ต.ค. 60) รัฐบาลเอธิโอเปียอนุญาตให้ธุรกิจต่างชาตินำเงินรายได้ออกนอกประเทศได้อย่างเสรี แต่เนื่องจากเอธิโอเปียมีปัญหาขาดแคลนสกุลเงินต่างประเทศ จึงยังอาจเป็นอุปสรรคสำหรับการนำเงินออกนอกประเทศอยู่บ้าง และยังไม่เปิดรับธนาคารต่างชาติเข้ามาเปิดในประเทศ (ธนาคารพาณิชย์ทั้งหมดยังเป็นธนาคารสัญชาติเอธิโอเปีย) ทั้งนี้ ภาคธนาคารของเอธิโอเปียโดยเฉพาะธนาคารเพื่อการพัฒนาเอธิโอเปีย พร้อมสนับสนุนการลงทุนโดยเฉพาะเงินกู้กับนักลงทุนต่างชาติ และจะพิจารณาเป็นพิเศษหากประสงค์ลงทุนในสาขาอุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ การเกษตร การแปรรูปสินค้า และสิ่งทอ
แรงงาน จำนวนประชากรในเอธิโอเปียมีประมาณ 100 ล้านคน มากเป็นอันดับ 2 รองจากไนจีเรีย และส่วนใหญ่เป็นช่วงอายุวัยทำงาน ส่งผลให้ค่าแรงในการทำธุรกิจในเอธิโอเปียยังค่อนข้างตํ่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยเฉลี่ยค่าแรงขั้นตํ่าของแรงงานเอธิโอเปียอยู่ที่ 1,000-2,000 Birr ต่อเดือน (ประมาณ 1,400-2,900 บาท) ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง ทั้งนี้เอธิโอเปียกำหนดเป้าหมายเข้าสู่การเป็น middle income country ภายในปี ค.ศ. 2025 ซึ่งหมายถึงต้องเร่งจ้างงานให้ได้กว่า 200,000 คน/ปี และมีความต้องการการบริโภคของชนชั้นกลางที่สูงขึ้นด้วย
โลจิสติกส์ แม้เอธิโอเปียจะเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล (landlocked country) แต่ถือว่ามีภูมิศาสตร์ที่ตั้งที่เหมาะสม สามารถเชื่อมกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ อาทิ เอริเทรีย จิบูติ เคนยา เซาธ์ซูดาน ซูดาน และต่อไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคแอฟริกากลาง ปัจจุบัน เอธิโอเปียเน้นให้ความสำคัญและตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค (สายการบินเอธิโอเปียเป็นสายการบินใหญ่ที่สุดในแอฟริกา มีเส้นทางบินกว่า 130 จุดหมายปลายทาง) และรัฐบาลอยู่ระหว่างการพัฒนาการคมนาคมทางรางรถไฟ ซึ่งในไม่ช้านี้ระบบรางจะสามารถเชื่อมโยงกับท่าเรือของประเทศจิบูติเพื่อออกสู่ทะเล ซึ่งช่วยย่นเวลาขนส่งสินค้าจาก 2 วันเหลือเพียง 4-12 ชั่วโมง
การเยือนครั้งนี้ ทำให้มุมมองภาพเดิมๆ เกี่ยวกับเอธิโอเปียเปลี่ยนแปลงไป ตอนหน้าซึ่งเป็นตอนจบโปรดติดตามศักยภาพของเอธิโอเปียในด้านพลังงาน การค้า และโอกาสทองที่รออยู่สำหรับผู้ลงทุนไทย
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,305 วันที่ 15 - 18 ตุลาคม พ.ศ. 2560
