บลจ.กสิกรไทย ปันผลกองทุนหุ้นญี่ปุ่น ชู 1 ปี ผลตอบแทน 28%

11 ต.ค. 2560 | 09:07 น.
บลจ.กสิกรไทย จ่ายปันผลกองทุน K-JP รวมกว่า 100 ล้านบาท เผยเศรษฐกิจญี่ปุ่นโตแกร่ง โชว์ผลงานกองทุน 1 ปี ให้ผลตอบแทน 28%

[caption id="attachment_218346" align="aligncenter" width="370"] นายนาวิน อินทรสมบัติ นายนาวิน อินทรสมบัติ[/caption]

นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กสิกรไทย จำกัด (บลจ. กสิกรไทย) เปิดเผยว่า บลจ. กสิกรไทย มีกำหนดจ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดเค ญี่ปุ่น หุ้นทุน (K-JP) สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2560 - 30 กันยายน 2560 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย โดยจะจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีชื่อในสมุดทะเบียนเวลา 8.00 น. ของวันที่ 2 ตุลาคม 2560 และมีกำหนดจ่ายเงินในวันที่ 12 ตุลาคม 2560 นี้ รวมมูลค่าการจ่ายปันผลทั้งสิ้นกว่า 104.10 ล้านบาท

สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน K-JP ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อเดือนธันวาคม 2557 หากนับรวมการจ่ายปันผลในครั้งนี้ด้วย กองทุนมีประวัติการจ่ายปันผลแล้วทั้งสิ้น 4 ครั้ง รวมเป็นอัตรา 1.55 บาทต่อหน่วย โดยผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุน K-JP นับตั้งแต่ต้นปีให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 14.05% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 12.24% ส่วนผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 28.08% เอาชนะเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 25.78% (ข้อมูล ณ วันที่ 29 ก.ย. 2560)

กองทุน K-JP มีนโยบายลงทุนผ่านกองทุนหลัก Schroder International Selection Fund Japanese Equity, Class A Acc ซึ่งบริหารจัดการโดย Schroder Investment Management (Luxembourg) S.A. บริษัทจัดการลงทุนชั้นนำระดับโลก โดยกองทุนหลักถือเป็นหนึ่งในกองทุนหุ้นญี่ปุ่นชั้นนำขนาดใหญ่ ที่มุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นบริษัทญี่ปุ่นที่มีผลประกอบการดี มีความสามารถในการแข่งขันสูง และมีความยั่งยืนในการเติบโตของธุรกิจ โดยไม่จำกัดหมวดหมู่ของอุตสาหกรรมหรือขนาดของบริษัท เพื่อความคล่องตัวในการลงทุน ทั้งนี้ กองทุน K-JP เหมาะสำหรับนักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงได้ในระดับค่อนข้างสูง และเป็นกองทุนที่มุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ นายนาวิน กล่าวเพิ่มเติมว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นยังมีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดย GDP ขยายตัวต่อเนื่องติดต่อกัน 6 ไตรมาส เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี ด้วยแรงหนุนจากการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ส่วนการส่งออกยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยในเดือนส.ค.เติบโตสูงสุดในรอบ 4 ปี ประกอบกับตลาดแรงงานที่อัตราส่วนเปิดรับตำแหน่งงานต่อผู้สมัครงานปรับตัวขึ้น เป็นสัญญาณของการปรับเพิ่มขึ้นของค่าแรง ขณะที่อัตราเงินเฟ้อฟื้นตัวดีขึ้นแต่ยังเป็นระดับที่ห่างไกลจากเป้าหมายที่ทางการตั้งไว้ที่ 2% ทั้งนี้ปัจจัยที่ผู้ลงทุนต้องติดตามต่อเนื่องคือ การเลือกตั้งนายกฯของญี่ปุ่นที่จะมีขึ้นในวันที่ 22 ต.ค.นี้ หลังจากที่นายชินโซ อาเบะประกาศยุบสภาไปเมื่อสิ้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมาตามที่ตลาดคาด

“ส่วนสถานการณ์ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดี โดยนักวิเคราะห์ได้ปรับเพิ่มประมาณการผลกำไรมาตั้งแต่ช่วงกลางปี ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปี มีเม็ดเงินลงทุนในตลาดหุ้นมาจากนักลงทุนสถาบันในประเทศเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่เม็ดเงินจากต่างชาติน่าจะเริ่มกลับเข้ามามากขึ้นในระยะอันใกล้ นอกจากนี้ ด้วยระดับราคาหุ้นญี่ปุ่นที่ยังมีความน่าสนใจ และถูกกว่าเมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯ โดยปัจจุบัน ดัชนี Topix มีอัตราส่วน Forward P/E อยู่ที่ 14.9 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว 10 ปีที่ 18.8 เท่า (ที่มา: Bloomberg 5 ต.ค. 60) ดังนั้นบลจ.กสิกรไทยยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นญี่ปุ่นในระยะกลางถึงยาว อย่างไรก็ตาม ในระยะสั้นอาจมีปัจจัยเสี่ยงจากทิศทางการเคลื่อนไหวของค่าเงินเยนที่ยังมีความผันผวน” นายนาวิน กล่าว e-book