ไทยเทศร่วมใจใส่ชุดดำ ปลุกตลาดเสื้อผ้าคึกคัก-ยันต้นทุนไม่ขยับ
ประชาชนแห่ซื้อเสื้อผ้าชุดดำ เตรียมน้อมถวายความอาลัยในวันครบรอบ 1 ปีแห่งการสวรรคตและร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงฯ มั่นใจโรงงานผลิตเตรียมพร้อมรองรับส่งผลสินค้าไม่ขาดตลาด ราคาต้นทุนไม่ขยับเพิ่ม
ก้าวเข้าสู่เดือนตุลาคม บรรยากาศความเศร้าหมองแพร่ปกคลุม การเตรียมพร้อมเพื่อน้อมถวายความอาลัยและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ในวันครบรอบ 1 ปีแห่งการสวรรคต และพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ทำให้ประชาชนจำนวนมากแห่ไปเลือกซื้อเสื้อผ้าชุดดำ โดยทีมข่าวการตลาด หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจได้ลงพื้นที่สำรวจร้านค้าภายในศูนย์การค้าเดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ แหล่งรวบรวมสินค้าเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับทั้งค้าปลีกและค้าส่งพบว่า บรรยากาศการเลือกซื้อสินค้าโดยเฉพาะเสื้อผ้าชุดดำเป็นไปอย่างคึกคัก
โดยกลุ่มลูกค้าที่เข้ามาเลือกซื้อชุดดำมีทั้งกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ที่ซื้อปริมาณมากเพื่อนำไปจำหน่ายต่อ และลูกค้าทั่วไป เช่น นักศึกษา คนทำงาน ฯลฯ ที่เลือกซื้อเพื่อนำไปใส่เอง นอกจากนี้ยังมีชาวต่างชาติที่เข้ามาเลือกซื้อ โดยเสื้อผ้าชุดดำที่ได้รับความนิยมมีทั้งชุดเดรส เสื้อโปโล เสื้อเชิ้ต กางเกง กระโปรงและเสื้อยืด โดยเสื้อยืดมีราคาเริ่มต้น 100-150 บาท กางเกง 200-250 บาท ชุดเดรส 250-300 บาท
นางสาวธนิดา ตั้งศิริเสถียร ผู้จัดการร้าน OASIS เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ยอดขายเสื้อผ้าสีขาว-ดำยังคงขายได้ดีกว่าสีอื่น โดยลูกค้าที่มาซื้อส่วนใหญ่จะซื้อราคาส่ง 3 ตัวขึ้นไป โดยมีทั้งผู้ที่ซื้อเพื่อนำไปขายและซื้อใส่เอง ขณะที่ต้นทุนในการผลิตเสื้อผ้าสีขาว-ดำยังไม่ปรับสูงขึ้นแต่อย่างใด เนื่องจากทางร้านผลิตเอง อีกทั้งในช่วงเวลานี้ร้านค้าต่างเตรียมพร้อมนำเสื้อผ้าชุดดำ-ขาวมาวางจำหน่ายเพิ่มเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า ทำให้ลูกค้าสามารถหาซื้อได้ง่ายขึ้น ไม่ขาดตลาดเหมือนเช่นเดียวกับเดือนตุลาคมของปีก่อน
ขณะที่นางสาวนํ้าทิพย์ อรุณมาตย์ พนักงานขายร้าน Amax กล่าวว่า ยอดขายเสื้อผ้าสีขาว-ดำของร้านในเดือนตุลาคมนี้ขายได้ดีกว่าสีอื่น ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าชาวไทยซึ่งซื้อทั้งปลีกและส่ง โดยภาพรวมถือว่ายังขายได้ดีอยู่ แต่อาจจะตํ่ากว่าปีก่อน ขณะที่โรงงานผลิตที่มีอยู่ต่างเตรียมพร้อมในการผลิตทำให้มีสินค้าเพียงพอ และราคาต้นทุนไม่เพิ่มขึ้น
ด้านนางสาวดลนภา ธรรมวัฒนะ ผู้อำนวยการสายงานบริหารการตลาดและอี-คอมเมิร์ช บริษัท บอดี้ โกลฟ์ฯ หรือ บีจีที คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายแฟชั่นเสื้อผ้าแบรนด์ “บอดี้ โกลฟ” (Body Glove) กล่าวว่า หลังจากบริษัทได้เปิดตัวคอลเลกชันเสื้อโปโล เบสิก 3 สี ได้แก่ สีขาว สีเทา และสีดำออกมาทำตลาดพร้อมกับจัดโปรโมชันซื้อ 3 ตัวขึ้นไปราคาตัวละ 333 บาท (จาก 690 บาท) ออกมาให้ประชาชนได้เลือกซื้อในราคาที่เหมาะสม เนื่องจากบริษัทเข้าใจความต้องการของประชาชนในช่วงนี้ที่ส่วนใหญ่เลือกสวมเสื้อผ้าที่คุมโทนหรือสีดำเป็นหลัก ตลอดช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ซึ่งพฤติกรรมของลูกค้าในช่วงที่ผ่านมานิยมเลือกหาซื้อเสื้อดำตามความเหมาะสมของโอกาสและประโยชน์ใช้สอย โดยส่วนมากนิยมเลือกซื้อเสื้อโปโลสีดำมากกว่า เนื่องจากสามารถสวมใส่ได้ง่ายในทุกโอกาส อีกทั้งยังมีราคาไม่แพงและสามารถใช้ได้นาน
“แม้เอกลักษณ์ของบอดี้ โกลฟ คือเสื้อโปโลที่มีสีสันสดใส แต่ว่าหลังจากช่วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ทางบริษัทก็ได้มีการปรับคอลเลกชันการผลิตด้วยการเพิ่มเสื้อในกลุ่มสีคุมโทนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นสีขาว ดำ เทา ออกมาเพื่อรองรับความต้องการของประชาชน ซึ่งแน่นอนว่าบริษัทจะยังคงมีการวางจำหน่ายสินค้าเสื้อสีเข้ม และกลุ่มสีดำอย่างต่อเนื่องไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนนี้”
พร้อมกันนี้ช่วงสัปดาห์หน้าบริษัทได้เตรียมเปิดตัวเสื้อโปโลรุ่นพิเศษ ลิมิเต็ดเอดิชัน ชุดเสื้อโปโลสีดำปักเลข 9ไทย ออกมาวางจำหน่ายเพื่อร่วมถวายความอาลัยและให้ประชาชนได้เลือกซื้อหาในช่วงนี้ โดยจะมีการจัดโปรโมชันราคาพิเศษออกมาร่วมด้วย ขณะที่แผนการทำตลาดในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของบริษัทนั้น เสื้อผ้าที่ออกมาก็จะยังคุมโทนตามแบบฉบับที่เข้มเช่นเดิม เนื่องจากเป็นช่วงของฤดูหนาวที่สีสันของคอลเลกชันเสื้อผ้าส่วนใหญ่จะเน้นไปทางโทนสีเข้มอยู่แล้ว
นางรมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร กรรมการบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายบูติกสตรี บริษัทไอ.ซี.ซี.อินเตอร์ นชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น ในเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า บรรยากาศการซื้อเสื้อผ้าสีดำถือว่าเป็นปกติโดยมียอดซื้อใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้น่าจะเป็นเพราะประชาชนทั่วไปได้ซื้อเสื้อผ้าสีดำไว้เป็นจำนวนมากแล้ว ขณะเดียวกันทางบริษัทไม่ได้จัดทำสินค้าเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษแต่อย่างใด และไม่ได้มีสินค้าของคอลเลกชันพิเศษออกมา
“ภาพรวมตลาดการซื้อขายยังเป็นปกติดี เมื่อเปรียบเทียบยอดขายวันต่อวันกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาก็ไม่แตกต่างกัน ช่วงนี้บริษัทก็ไม่ได้เตรียมสินค้าอะไรเป็นพิเศษเพราะช่วงก่อนหน้าได้เตรียมสินค้ารองรับไว้ถึงช่วงนี้อยู่แล้ว”
ขณะที่คอลเลกชันสำหรับฤดูหนาวในปีนี้อาจเปิดตัวช้ากว่าปกติ เพราะต้องรอให้งานพระราชพิธีแล้วเสร็จไปก่อน เพื่อที่จะเปิดตัวคอลเลกชันฤดูหนาว คาดว่าจะเปิดตัวช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน จากที่ผ่านมาเปิดตัวช่วงปลายเดือนตุลาคม
อย่างไรก็ตามโทนสีที่เสื้อผ้ายังคงเป็นสีโทนซอฟต์ ประเภทสีนํ้าเงิน สีเทา สีดำ สีกรมท่า หรือสีพาสเทล โดยไม่มีสีสดใส ขณะที่เทรนด์แฟชั่นในตลาดโลกได้เตรียมเปิดตัวแฟชั่นในฤดูกาลซัมเมอร์แล้ว ซึ่งจะเป็นสีสันสดใส เป็นผ้าลายดอก ซึ่งทางบริษัทคงจะพิจารณา โทนสีดังกล่าวในช่วงต้นปีหน้าว่าจะเป็นโทนสีอะไรต่อไป
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,304 วันที่ 12 - 14 ตุลาคม พ.ศ. 2560
ก้าวเข้าสู่เดือนตุลาคม บรรยากาศความเศร้าหมองแพร่ปกคลุม การเตรียมพร้อมเพื่อน้อมถวายความอาลัยและรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ในวันครบรอบ 1 ปีแห่งการสวรรคต และพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ทำให้ประชาชนจำนวนมากแห่ไปเลือกซื้อเสื้อผ้าชุดดำ โดยทีมข่าวการตลาด หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจได้ลงพื้นที่สำรวจร้านค้าภายในศูนย์การค้าเดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ แหล่งรวบรวมสินค้าเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องประดับทั้งค้าปลีกและค้าส่งพบว่า บรรยากาศการเลือกซื้อสินค้าโดยเฉพาะเสื้อผ้าชุดดำเป็นไปอย่างคึกคัก
นางสาวธนิดา ตั้งศิริเสถียร ผู้จัดการร้าน OASIS เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในช่วงเดือนตุลาคมนี้ยอดขายเสื้อผ้าสีขาว-ดำยังคงขายได้ดีกว่าสีอื่น โดยลูกค้าที่มาซื้อส่วนใหญ่จะซื้อราคาส่ง 3 ตัวขึ้นไป โดยมีทั้งผู้ที่ซื้อเพื่อนำไปขายและซื้อใส่เอง ขณะที่ต้นทุนในการผลิตเสื้อผ้าสีขาว-ดำยังไม่ปรับสูงขึ้นแต่อย่างใด เนื่องจากทางร้านผลิตเอง อีกทั้งในช่วงเวลานี้ร้านค้าต่างเตรียมพร้อมนำเสื้อผ้าชุดดำ-ขาวมาวางจำหน่ายเพิ่มเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า ทำให้ลูกค้าสามารถหาซื้อได้ง่ายขึ้น ไม่ขาดตลาดเหมือนเช่นเดียวกับเดือนตุลาคมของปีก่อน
ขณะที่นางสาวนํ้าทิพย์ อรุณมาตย์ พนักงานขายร้าน Amax กล่าวว่า ยอดขายเสื้อผ้าสีขาว-ดำของร้านในเดือนตุลาคมนี้ขายได้ดีกว่าสีอื่น ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าชาวไทยซึ่งซื้อทั้งปลีกและส่ง โดยภาพรวมถือว่ายังขายได้ดีอยู่ แต่อาจจะตํ่ากว่าปีก่อน ขณะที่โรงงานผลิตที่มีอยู่ต่างเตรียมพร้อมในการผลิตทำให้มีสินค้าเพียงพอ และราคาต้นทุนไม่เพิ่มขึ้น
“แม้เอกลักษณ์ของบอดี้ โกลฟ คือเสื้อโปโลที่มีสีสันสดใส แต่ว่าหลังจากช่วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา ทางบริษัทก็ได้มีการปรับคอลเลกชันการผลิตด้วยการเพิ่มเสื้อในกลุ่มสีคุมโทนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นสีขาว ดำ เทา ออกมาเพื่อรองรับความต้องการของประชาชน ซึ่งแน่นอนว่าบริษัทจะยังคงมีการวางจำหน่ายสินค้าเสื้อสีเข้ม และกลุ่มสีดำอย่างต่อเนื่องไปจนถึงเดือนพฤศจิกายนนี้”
พร้อมกันนี้ช่วงสัปดาห์หน้าบริษัทได้เตรียมเปิดตัวเสื้อโปโลรุ่นพิเศษ ลิมิเต็ดเอดิชัน ชุดเสื้อโปโลสีดำปักเลข 9ไทย ออกมาวางจำหน่ายเพื่อร่วมถวายความอาลัยและให้ประชาชนได้เลือกซื้อหาในช่วงนี้ โดยจะมีการจัดโปรโมชันราคาพิเศษออกมาร่วมด้วย ขณะที่แผนการทำตลาดในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของบริษัทนั้น เสื้อผ้าที่ออกมาก็จะยังคุมโทนตามแบบฉบับที่เข้มเช่นเดิม เนื่องจากเป็นช่วงของฤดูหนาวที่สีสันของคอลเลกชันเสื้อผ้าส่วนใหญ่จะเน้นไปทางโทนสีเข้มอยู่แล้ว
นางรมิดา รัสเซลล์ มณีเสถียร กรรมการบริหารและผู้อำนวยการฝ่ายบูติกสตรี บริษัทไอ.ซี.ซี.อินเตอร์ นชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายสินค้าแฟชั่น ในเครือสหพัฒน์ กล่าวว่า บรรยากาศการซื้อเสื้อผ้าสีดำถือว่าเป็นปกติโดยมียอดซื้อใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้น่าจะเป็นเพราะประชาชนทั่วไปได้ซื้อเสื้อผ้าสีดำไว้เป็นจำนวนมากแล้ว ขณะเดียวกันทางบริษัทไม่ได้จัดทำสินค้าเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษแต่อย่างใด และไม่ได้มีสินค้าของคอลเลกชันพิเศษออกมา
“ภาพรวมตลาดการซื้อขายยังเป็นปกติดี เมื่อเปรียบเทียบยอดขายวันต่อวันกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาก็ไม่แตกต่างกัน ช่วงนี้บริษัทก็ไม่ได้เตรียมสินค้าอะไรเป็นพิเศษเพราะช่วงก่อนหน้าได้เตรียมสินค้ารองรับไว้ถึงช่วงนี้อยู่แล้ว”
ขณะที่คอลเลกชันสำหรับฤดูหนาวในปีนี้อาจเปิดตัวช้ากว่าปกติ เพราะต้องรอให้งานพระราชพิธีแล้วเสร็จไปก่อน เพื่อที่จะเปิดตัวคอลเลกชันฤดูหนาว คาดว่าจะเปิดตัวช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน จากที่ผ่านมาเปิดตัวช่วงปลายเดือนตุลาคม
อย่างไรก็ตามโทนสีที่เสื้อผ้ายังคงเป็นสีโทนซอฟต์ ประเภทสีนํ้าเงิน สีเทา สีดำ สีกรมท่า หรือสีพาสเทล โดยไม่มีสีสดใส ขณะที่เทรนด์แฟชั่นในตลาดโลกได้เตรียมเปิดตัวแฟชั่นในฤดูกาลซัมเมอร์แล้ว ซึ่งจะเป็นสีสันสดใส เป็นผ้าลายดอก ซึ่งทางบริษัทคงจะพิจารณา โทนสีดังกล่าวในช่วงต้นปีหน้าว่าจะเป็นโทนสีอะไรต่อไป
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,304 วันที่ 12 - 14 ตุลาคม พ.ศ. 2560
