บลจ.กสิกรไทย เสิร์ฟเทอมฟันด์ 6-12 เดือน จ่าย 1.1-1.25%

03 ต.ค. 2560 | 08:47 น.
บลจ.กสิกรไทย ส่งกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศอายุโครงการ 6 เดือน และ 1 ปี เสนอขายต่อเนื่อง ชูโอกาสรับผลตอบแทน 1.10% - 1.25% ต่อปี เปิดเสนอขาย 3 - 9 ตุลาคมนี้

นายชัชชัย สฤษดิ์อภิรักษ์ รองกรรมการผู้จัดการและประธานบริหารการลงทุนตราสารหนี้ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในระหว่างวันที่ 3-9 ตุลาคม 2560 บลจ.กสิกรไทยจะเปิดเสนอขายกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 6 เดือน EA (KFF6MEA) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.10% ต่อปี และกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ต่างประเทศ 1 ปี DQ (KFF1YDQ) ประมาณการผลตอบแทนที่ผู้ถือหน่วยลงทุนคาดว่าจะได้รับที่ 1.25% ต่อปี โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน และสำหรับผู้ลงทุนบุคคลธรรมดาไม่ต้องเสียภาษี

ด้านมุมมองตลาดตราสารหนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในตราสารระยะยาว โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้น 0.03% และเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีปรับตัวขึ้น 0.07% ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนที่เพิ่มขึ้นไปแล้ว 0.06% หลังนางเยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ส่งสัญญาณชัดเจนที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ย แม้ว่าจะยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางของเงินเฟ้อ ส่งผลให้ตลาดเชื่อมั่นว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งมาอยู่ที่ 1.25 - 1.50% ในเดือน ธ.ค.นี้

ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยไทย คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติคงดอกเบี้ยที่ 1.5% ในการประชุมเมื่อวันที่ 27 ก.ย. ที่ผ่านมา โดยมองว่าดอกเบี้ยปัจจุบันเป็นระดับที่เหมาะสมในการหนุนเศรษฐกิจ พร้อมทั้งเพิ่มคาดการณ์ GDP ไทยปี 2560 ที่ 3.8% จากเดิม 3.5% เนื่องจากการส่งออกและการท่องเที่ยวที่เติบโตดีกว่าคาด สอดคล้องกับตัวเลขประมาณการของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ นายชัชชัย กล่าวว่า บลจ.กสิกรไทยได้เปิดเสนอขายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศประเภทกำหนดอายุโครงการเป็นประจำทุกสัปดาห์เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ลงทุนที่ต้องการล็อกผลตอบแทนที่แน่นอน โดยสามารถเลือกลงทุนเป็นเวลา 6 เดือน หรือ 1 ปี ทั้งนี้สำหรับ กองทุน KFF6MEA ที่มีอายุโครงการ 6 เดือน เบื้องต้นคาดว่าจะเข้าไปลงทุนในเงินฝาก Bank of China, เงินฝาก China Construction Bank Corporation, เงินฝาก Agricultural Bank of China, เงินฝาก Union National Bank และเงินฝาก Abu Dhabi Commercial Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในหุ้นกู้ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน), ประเทศไทย ด้านกองทุน KFF1YDQ ที่มีอายุโครงการ 1 ปี เบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในเงินฝาก Agricultural Bank of China, เงินฝาก Bank of China, เงินฝาก China Construction Bank Corporation, บัตรเงินฝาก ICBC Ltd. และเงินฝาก Union National Bank, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนี้ยังคาดว่าจะลงทุนในตราสารหนี้ Malayan Banking Berhad, ประเทศมาเลเซีย โดยทั้ง 2 กองทุนดังกล่าวมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน และผู้ลงทุนสามารถลงทุนด้วยเงินขั้นต่ำเพียง 500 บาท

ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทย ยังได้เพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนต่อเนื่องให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้แบบที่มีกำหนดอายุโครงการ (Fixed Term Fund) ของบลจ.กสิกรไทย ซึ่งเมื่อกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ บริษัทจัดการจะนำเงินค่าขายคืนอัตโนมัติไปซื้อหน่วยลงทุนที่ผู้ลงทุนเลือกได้กองทุนใดกองทุนหนึ่งใน 3 กองทุน คือ กองทุนเปิดเค ตลาดเงิน (K-MONEY) กองทุนเปิดเค ตราสารรัฐระยะสั้น (K-TREASURY) หรือกองทุนเปิดเค ตราสารหนี้ระยะสั้น (K-SF) ของบลจ.กสิกรไทย ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว