ชิงจังหวะบาทแข็ง ปิดเสี่ยงหนี้ตปท.

02 ต.ค. 2560 | 23:16 น.
บาทที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องส่งผลดีต่อหนี้ต่างประเทศของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจ สบน.เร่งปิดความเสี่ยง-คืนหนี้เกลี้ยงพอร์ต 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เดินหน้าปิดความเสี่ยงหนี้เยนไจก้าอีก 36,000 ล้านเยน

นายธีรัชย์ อัตนวานิช ที่ปรึกษาด้านตลาดตราสารหนี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.)เปิดเผยว่า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในช่วงปลายปีงบ ประมาณ 2560 ทำให้เป็นโอกาสดีของการบริหารหนี้เงินกู้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศ โดยสามารถปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินกู้สกุลดอลลาร์สหรัฐฯครบหมดแล้ว 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งการทำสว็อปและชำระคืนบางส่วน และในปีหน้าจะทยอยทำในส่วนเงินเยนทั้งหมด

สำหรับหนี้เงินเยนที่ยังไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงและมีแผนจะทำในปีงบประมาณ 2561 คือ หนี้เงินกู้ 36,000 ล้านเยนของ รฟม.ในการลงทุนรถไฟฟ้าสายสีแดง อายุ 17 ปี อัตราดอกเบี้ย 0.4% และที่เหลือจะทยอยทำคือ เงินกู้รถไฟฟ้าสายสีแดง 56,000 ล้านเยน อายุ 16 ปี ดอกเบี้ย 1.4% เงินกู้ รฟม.อีก 68,000 ล้านเยน ซึ่งทั้งหมดเป็นเงินกู้จากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือไจก้า

สำหรับการบริหารความเสี่ยงจากหนี้ต่างประเทศในปีงบประมาณ 2561 จะให้นํ้าหนักไปที่หนี้ของรัฐวิสาหกิจ ที่มีกรอบวงเงินกู้ใหม่ที่ 66,471 ล้านบาท ที่เป็นการลงทุนในรัฐวิสาหกิจ 7 แห่ง กู้เพื่อเสริมสภาพคล่องและเป็นทุนหมุน เวียน

ที่ผ่านมาได้วางแนวปฏิบัติที่ชัดเจนให้รัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งแล้วว่า จะต้องให้ความสำคัญใน 3 เรื่องคือ ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน และการปรับโครงสร้างหนี้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,301 วันที่ 1 - 4 ตุลาคม พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9