เธียรสุรัตน์บุกตลาดกัมพูชา ตั้งตัวแทนขายเครื่องกรองนํ้าเป้ารายได้2,000ล้าน

16 ก.ย. 2560 | 12:20 น.
นายวิรัชวงศ์นิรันดร์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เธียรสุรัตน์ จำกัดฯหรือTSRผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องกรองนํ้าเครื่องใช้ไฟฟ้าเปิดเผยกับ“ฐานเศรษฐกิจ” ถึงแนวโน้มกำลังซื้อในช่วง 2เดือนสุดท้ายของปีว่า ยังคงอยู่ในภาวะทรงตัว จากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ทำให้บริษัทต้องเร่งขยายตลาดและช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า เพื่อรักษาการเติบโตและคงเป้าหมายการสร้างรายได้ของปีนี้ไว้ ตามแผนธุรกิจที่ต้องการสร้างรายได้ 2,000 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีรายได้ 1,865 ล้านบาท

“ช่วงกลางปีที่ผ่านมา ได้ประเมินสถานการณ์ไว้ว่าครึ่งปีหลังนี้ เศรษฐกิจและกำลังซื้อจะฟื้นตัวดีขึ้น แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันพบว่าตลาดยังคงทรงตัวจากช่วงครึ่งปีแรก หากจะดีก็อาจจะดีขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้บริษัทต้องเร่งขยายงาน เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า เพิ่มพนักงานขายเพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้า รวมถึงการทำงานอย่างหนักเพื่อรักษาเป้าหมาย โดยยังไม่ได้ปรับเป้าหมายการเติบโตของปีนี้แต่อย่างใด ซึ่งเชื่อว่าจากความพยายามทำงานอย่างเต็มที่น่าจะช่วยทำให้ผลการดำเนินงานโดยรวมของปีนี้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้”

[caption id="attachment_207356" align="aligncenter" width="336"] วิรัชวงศ์นิรันดร์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เธียรสุรัตน์ จำกัดฯหรือTS วิรัชวงศ์นิรันดร์ กรรมการผู้จัดการบริษัท เธียรสุรัตน์ จำกัดฯหรือTS[/caption]

ล่าสุดบริษัทได้แต่งตั้งบริษัท ดาฮงเฮง เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (Da Houg Heng Enterprise Ltd.)เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศกัมพูชาเพื่อทำตลาดและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องกรองนํ้า ซึ่งบริษัทดังกล่าวเป็นของคนไทยที่เข้าไปดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศกัมพูชานานกว่า10ปีเบื้องต้นได้นำสินค้าเครื่องกรองนํ้าเข้าไปจำหน่ายแล้วจำนวน 4 รุ่น ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งสามารถจำหน่ายสินค้าล็อตแรกมูลค่าประมาณ4-5แสนบาทได้หมดภายใน2สัปดาห์แรกขณะนี้เตรียมส่งสินค้าล็อตที่ 2ไปทำตลาดเพิ่มเติม

นายวิรัชกล่าวอีกว่า ตลาดในกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี ยังถือว่าเป็นตลาดใหม่ที่เหมือนกับประเทศไทยในอดีต ซึ่งมีโอกาสเติบโตได้อีกจำนวนมาก เนื่องจากในประเทศมีปัญหานํ้าดื่มเช่นเดียวกับประเทศไทยและราคานํ้าดื่มบรรจุขวดยังมีราคาแพงทำให้สามารถขยายตลาดได้อย่างต่อเนื่องโดยก่อนหน้านี้บริษัทได้เริ่มเข้าไปทำตลาดที่สปป.ลาวเป็นประเทศแรกซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี ในอนาคตยังเตรียมขยายตลาดไปยังประเทศเมียนมาเพิ่มเติมด้วย

แบนเนอร์ชั่วโมงฐานเศรษฐกิจ01-3-1 “ตลาดต่างประเทศถือว่าเริ่มต้นจากศูนย์ ต้องเข้าไปให้ความรู้กับลูกค้า และการทำตลาดโดยตรง ซึ่งในสปป.ลาว บริษัทได้ส่งผู้จัดการจากไทยไปช่วยดูแล และมีทีมพนักงานขาย4 ทีมที่ลงตลาดและจำหน่ายสินค้า ส่วนในกัมพูชาบริษัทตัวแทนมีทีมงานขายกว่า 20 คนที่เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างดี ซึ่งรายได้จากกัมพูชาน่าจะเริ่มรับรู้ได้ภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ แต่ยังประเมินไม่ได้ว่าภาพรวมของตลาดต่างประเทศจะมีรายได้เข้ามาเท่าไร”

สำหรับตลาดในประเทศไทย บริษัทได้เพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าเพิ่มมากขึ้น โดยวางแผนขยายร้านสาขาขึ้นอีก3แห่งภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันมีอยู่ 22 แห่ง ทำให้ภายในปีนี้มีสาขาครบ 25แห่งขณะเดียวกันยังเพิ่มพนักงานขายอย่างต่อเนื่องโดยปัจจุบันมีพนักงานทั่วประเทศ 1,000คนบริษัทวางเป้าหมายเพิ่มจำนวนพนักงานขายให้ได้ถึง 1 หมื่นคน เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้โดยตรงทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังได้เปิดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และเพิ่มตัวแทนร้านเครือข่ายสำหรับการจำหน่ายสินค้าด้วย

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,296 วันที่ 14 - 16 กันยายน พ.ศ. 2560
ดาวน์โหลดอีบุ๊กแทรกข่าว-9-1