ที่นี่ไม่มีความลับ
โดย : เอราวัณ
วิเคราะห์ : การเมืองไทย หลัง‘ยิ่งลักษณ์’หนี!
การไม่มารับฟังคำพิพากษาของศาล หรือ
“หนี” ในคดีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ก่อให้เกิดผลสะเทือนทางการเมืองในหลายมิติ เรียกได้ว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักสังเกตการณ์ทางการเมืองต้องปรับแนววิเคราะห์อนาคตการเมืองไทยกันใหม่
มองจากมุมของ ยิ่งลักษณ์ คือการกลัวติดคุก อย่างไม่ต้องสงสัยและไม่ต้องไปต่อว่าอะไรมาก เพราะพี่ชาย ทักษิณ ชินวัตร ก็หนีคำพิพากษา เมื่อ 9 ปีก่อน (2551) ในคดีทุจริตการประมูลซื้อที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษก จากธนาคารแห่งประเทศไทย ยิ่งลักษณ์ เลือกที่จะหนีไปตั้งหลักรอฟังคำพิพากษาอยู่นอกเขตอำนาจศาลไทยมากกว่า “เสี่ยง” ติดคุกรออุทธรณ์ เหมือน บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์และพวก
หากคำพิพากษาในวันที่ 27 กันยาบน 2560 ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองออกมาว่า
“ผิด” แล้วต้องติดคุกจริง ยิ่งลักษณ์ และทักษิณ คงคิดว่าตัดสินใจถูกแล้วที่เลือก
“หนี” ทิ้งลูกน้องให้ติดคุกดีกว่าให้น้องสาวติดคุก
ในกรณีศาลพิพากษายกฟ้องหรือพิพากษาว่าผิดแต่ให้รอลงอาญา ทักษิณและยิ่งลักษณ์ คิดว่า ตัวยิ่งลักษณ์สามารถกลับมาได้ เพราะจะมีโทษเพียงเล็กน้อยใน 2 ประเด็นคือ หนีหมายศาล และเข้าออกประเทศ โดยผิดกฎหมายเท่านั้น แต่ความเชื่อถือทางการเมืองหาได้กลับคืนมาไม่
ในมุมมิติ
“พรรคเพื่อไทย” นี่คือการล้มละลายทางความเชื่อถือที่พลพรรคมีต่อคนในครอบครัวชินวัตร เพราะถึงที่สุด 2 พี่น้อง ซึ่งเป็นหัวเรือใหญ่ทางการเมืองของพรรค เลือก
“เอาตัวรอด” มากกว่าสู้ “จนตายคา สนามรบ” เหมือนที่ประกาศไว้
พันธนาการที่
“ต้องสู้เพื่อทักษิณ” คงหมดลงด้วยพฤติกรรมของ 2 พี่น้องคู่นี้ แต่หากพลพรรคเพื่อไทยยังคิดไม่ออกก็มิสมควรเป็นผู้แทนประชาชนอีกต่อไป
นักสังเกตการณ์ทางการเมืองฟันธงตรงกันว่า แม้พรรคเพื่อไทยจะไม่ล่มสลายแต่คงถึงคราว “แพแตก” เป็นแน่ ส่วนที่ล่มสลายแน่คือ
“ระบอบทักษิณ” ด้วยเหตุผล 2 ประการ คือ
“การหมดความเชื่อถือและศรัทธา” ต่อตัว ทักษิณ ชินวัตร และการ
“ไม่มีท่อส่งเสบียง” นั่นหมายถึง
“กระสุน” จากทักษิณ ชินวัตร อีกต่อไป เพราะไม่มีประโยชน์อันใดที่จะทำพรรคการเมืองต่อด้วย
“เป้าหมายที่จะกลับมาอีกครั้ง” เลือนรางเต็มที
อีกประการหนึ่งนักการเมืองในค่ายเพื่อไทย คงคิดได้ว่าการอยู่ในอาณัติ ทักษิณ ต่อไปจะนำไปสู่หายนะทั้งทางการเมืองและชีวิตปกติของตน จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการย้ายค่ายย้ายรังใหม่ เกิดการล่มสลายของ
“ระบอบทักษิณ” และ
“แพแตก” ของพรรคเพื่อไทยแน่นอน ซึ่งจะเกิดประโยชน์กับพรรคการเมืองคู่แข่งอย่าง
“ประชาธิปัตย์” ที่นั่ง
“ตีขิม” รอเช่นเดียวกับพรรคการเมืองอื่นที่รอการล่มสลายทางการเมืองของ
“ระบอบทักษิณ” ที่ผูกขาดมาถึง 16 ปี
แต่ที่ต้องวิเคราะห์กันมากกว่านั้นคือจะได้ประโยชน์กับพรรคการเมืองใหม่ ที่อาจจะเกิดขึ้นหรือไม่ และพรรคการเมืองใหม่นั้นจะมีบทบาทในการผลักดัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี รอบ 2 หลังการเลือกตั้งหรือไม่ มีแนววิเคราะห์ 2 แนวว่า ถ้าการเลือกตั้งเกิดขึ้นเร็ว (ตามโรดแมป) คือไม่เกินเดือนกันยายน 2561 นั่นแปลว่า กลุ่มอำนาจปัจจุบัน มิได้คิดตั้งใจ
“สืบทอดอำนาจต่อ” เพราะไม่ได้คิดถึงกระบวนการสืบทอดอำนาจ “มากเกินไป
เนื่องจากกระบวนการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่และการสร้างกลไกกระแสความนิยมต้องใช้เวลาพอสมควร แต่กรณีที่
“การเลือกตั้ง” ถูกยืดยาวออกไปด้วยเหตุผลต่างๆ (แล้วแต่จะสรรหามา) นั่นหมายความว่ามีความพยายามสร้างกลไกในการสืบทอดอำนาจผ่านพรรคการเมืองที่มีอยู่ หรือการเกิดขึ้นของพรรคการเมืองใหม่ เป็นเรื่องที่ต้องจับตากันต่อไป แต่ทิ้งท้ายไว้ให้คิด
“อำนาจ” ถ้าได้มาโดยธรรมชาติแบบไม่ตั้งใจหรือวางแผนไว้จะ
“สง่างาม” กว่าการได้มาเพราะ “วางแผนสืบทอดอำนาจกัน” คงไม่มีใครอยากให้
“จบยุคทักษิณ เข้าสู่ยุค...” ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่า
“หนีเสือปะจระเข้” ไปเสียเท่านั้น
คอลัมน์ : ที่นี่ไม่มีความลับ/หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ/ ฉบับ 3292 หน้า 16 ระหว่างวันที่ 31 ส.ค.-2 ก.ย.2560