หลากหลายไอเดียจาก The Future of Facebook

16 ส.ค. 2560 | 23:33 น.
MP29-3288-B ผมเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังถึงงาน Techsauce Global Summit 2017 ที่ประสบความสำเร็จ และเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้ที่น่าสนใจไปแล้ว นอกจาก Brett King ที่ผมตั้งใจไปฟังแล้ว ยังมีอีกหนึ่งหัวข้อที่ผู้ฟังล้นจำนวนที่นั่ง แม้จะจัดที่เวที Digital Transformation ก็ตาม นั่นคือ “The Future of Facebook” เดี๋ยวเล่าให้ฟังครับ

การบรรยายได้รับเกียรติจากคุณกัญญาณัฐ ปิติเจริญ Account Manager Thailand SMBs มาฉายภาพให้เป็นถึงสถิติ และอนาคตของ Facebook ที่พวกเรากำลังจะเจอ ท่านนี้ต้องบอกว่าข้อมูลแน่น ถ่ายทอดเยี่ยม และสร้าง engagement กับผู้ฟังได้สุดยอดครับ

ในปัจจุบันเราอยู่ในโลกของ Mobile World ในประเทศไทยมีผู้ใช้ Facebook ที่เข้าใช้เป็นประจำทุกเดือนมากกว่า 47 ล้านราย คิดดูเล่นๆ ก็มากกว่าจำนวนประชากรของประเทศในอาเซียนหลายๆ ประเทศเสียอีก (ลองคิดดูว่าถ้าเราขายของให้คนใน Facebook ได้ มันคืออีกหนึ่งตลาดสำคัญทีเดียว) ในจำนวนคนที่เข้าใช้นี้ มีผู้ใช้บนโทรศัพท์เคลื่อนที่สูงถึง 46 ล้านราย ไม่น่าแปลกใจเพราะจากข้อมูลของ Neilsen Consumer Media View เปิดเผยว่าในปี 2016 สัดส่วนผู้ใช้ Smartphone ก็แซงผู้ใช้ Feature phone ไปเรียบร้อยแล้วที่ 55% (ปี 2014 ยังแค่ 33%) แถมสัดส่วนในการชมวิดีโอออนไลน์จากโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็มากถึง 65% (คอมพิวเตอร์ 26% และแท็บเลต 9%) นอกจากนี้จำนวนผู้ใช้ Instagram ที่ active ในประเทศไทยยังสูงถึง 12 ล้านราย เชื่อว่าทั้งหมดน่าจะใช้จากโทรศัพท์เคลื่อนที่เพราะต้องถ่ายรูปแล้วโพสต์

หากพิจารณาถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่ถูก Disrupt จะเห็นถึงพฤติกรรม Multi device, multiple times มีการเข้า Facebook วันละ 14 ครั้ง เริ่มตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า รับประทานอาหารเช้า ขับรถไปทำงาน ประชุม เช็กอี-เมล์ ซื้อสตาร์บัคส์ ช็อปปิ้งออนไลน์ ดินเนอร์กับเพื่อน ดู Netflix จนถึงปิดไฟเข้านอน ลองสังเกตดูว่าพฤติกรรมแบบ “ว่างก็จิ้ม” เข้า Facebook เราเป็นไหม และเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ไหม

หากเทียบกับช่วงรายการโทรทัศน์ที่เวลาละครหลังข่าวเป็น Prime Time เวลาของ Facebook คือเวลาไหน คำตอบคือ Facebook Primetime is all the time เพราะจากสถิติการเข้าใช้สูงกว่าโทรทัศน์ทุกช่วงเวลา ถ้าวิเคราะห์จาก Big Data ที่น่าสนใจอีกสักนิดผู้ใช้มักจะเข้า Facebook ในช่วงเบรกโฆษณาของรายการโทรทัศน์ (พล็อตกราฟออกมาแล้วเห็นเป็นช่วงๆ ทีเดียว) ตรงนี้น่าสนใจในการทำการตลาดนะครับ

อนาคตของ Facebook จะเป็นอย่างไร เป็นสิ่งที่ทุกคนรู้สึกใกล้ตัว และอยากรู้ คอนเซ็ปต์ของ Bring the World Closer Together เชื่อว่าทำได้แน่นอน เพราะล่าสุดเราก็แอบส่องแฟนเก่าเราทาง Facebook จริงไหม ใน 3 มุมมองที่ควรพิจารณาคือ Relevant, Expressive และ Immersive

MP29-3288-1B ประการแรกผู้ใช้ต้องการ Relevant Experience หรือประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับตัวเขา โดยเฉพาะในหลายๆ ช่วงของชีวิต เช่น เคยดูฟุตบอล แมตช์์สำคัญ เคยไปเที่ยวที่ต่างๆ เคยร่วมการแข่งขันวิ่งมาราธอน หรือเป็นเพื่อนกับคนนี้มานานกี่ปีแล้ว ตรงนี้ทำให้เกิด Engagement กับผู้ใช้ได้มากขึ้น แนวคิดนี้นำไปปรับใช้กับธุรกิจได้ดีครับ ประการที่2ผู้ใช้ต้องการ Expressive Experience หรือการแสดงออก รวมทั้งการแสดงตัวตน เราจะเห็นได้จากฟีเจอร์ใหม่ๆของ Facebook เช่น การกด Like ที่แสดงอารมณ์รูปหัวใจ รูปโกรธ รูปว้าวได้ การแชตด้วย Messenger ที่มีผู้ใช้มากขึ้นเรื่อยๆ การใช้อีโมจิ และแอพ MSQRD ที่เจ๋งและเล่นกันเยอะจน Mark Zuckerberg ต้องซื้อมาไว้บน Facebook (MSQRD พัฒนาโดย Masquerade Technologies มีคนดังๆ เล่นเยอะมากจน Facebook ซื้อมาในเดือนมีนาคม 2016) ประการที่3ผู้ใช้ต้องการ Immersive Experience หรือดื่มด่ำฝังลึกลงไปในโลกจริงและโลกเสมือนจริง อย่างที่เคยเรียนท่านผู้อ่านไปว่า AR, VR และ MR กำลังมีบทบาทมากขึ้น โลกเสมือนจริงสามารถสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าได้ Facebook เองก็เน้นด้านนี้เต็มที่ เดี๋ยวนี้เรา Live ได้ เราถ่ายรูป 360 องศาได้ และในอนาคตเราจะเชื่อมโยงกับ Virtual Reality ได้อย่างแน่นอน

การฟังอนาคตของ Facebook มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเหล่า Startup Guru ที่ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือหลัก ลองนำทิศทางของ Facebook มาปรับใช้ในธุรกิจของท่าน เพราะเทรนด์ต่างๆ เหล่านี้มาถึงอย่างรวดเร็วแน่นอน ฟัง Techsauce รอบนี้สนุกจริงๆ มีตัวเลขที่สำคัญอีกอย่างคือ “การหยุดดู” ผู้บริโภคหยุดดูคอนเทนต์บนคอมพิวเตอร์ครั้งละ 2.5 วินาที แต่หยุดดูบนโทรศัพท์เคลื่อนที่เพียงแค่ 1.7 วินาทีเท่านั้น ดังนั้นกลยุทธ์ที่จะหยุดนิ้วโป้งของผู้บริโภคหรือ Thumb stopping จึงเป็นเรื่องที่ต้องคิดอย่างสร้างสรรค์ ไว้จะมาเล่าให้ฟังอีกนะครับ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,288 วันที่ 17 -19 สิงหาคม พ.ศ. 2560