เมื่อรัฐบาลทยอยแสดงความชัดเจนในการขับเคลื่อนเมกะโปรเจ็กต์จากกรณีที่ได้เร่งผลักดันออกมาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ภาคเอกชนเริ่มมีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้นเช่นเดียวกับบริษัท เอสวีแอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด(SVL) ที่มีฐานทางธุรกิจในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้เร่งขับเคลื่อนแผนการรุกทางธุรกิจโดยเฉพาะการขนส่งและการเดินรถให้พร้อมรองรับการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ภาคใต้ของรัฐบาล วัตถุประสงค์เพื่อการเชื่อมโยงในพื้นที่และการเชื่อมโยงไปยังประเทศเมียนมา
[caption id="attachment_194505" align="aligncenter" width="335"]
อนุวัต ชัยกิตติวนิช[/caption]
โดยนายอนุวัต ชัยกิตติวนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสวีแอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (SVL) ให้สัมภาษณ์พิเศษ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงความพร้อมในส่วนภาคเอกชนเพื่อรองรับต่อแผนการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ในโซนภาคใต้ของรัฐบาลว่า SVL มีแผนการสร้างความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจระหว่างภาครัฐและเอกชนโดยอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการนิคมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์บางสะพาน (BLIE) ที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขออนุญาตจัดตั้งกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ซึ่งจะเป็นการเชื่อมโยงภาคใต้ไปสู่พื้นที่การพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(EEC) และสามารถเชื่อมต่อไปสู่ทะเลอันดามัน โดยโครงการนี้จะเติมเต็มให้ EEC ที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศสามารถต่อยอดไปถึงอันดามันได้อย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
++เผยผลประกอบการช่วงที่ผ่านมา
ยอมรับว่าธุรกิจโลจิสติกส์เป็นธุรกิจที่ไม่ได้มีกำไรมากมาย เพราะมีการแข่งขันค่อนข้างสูง และ SVL พยายามบริการด้วยมาตรฐานที่สูงจึงมีค่าใช้จ่ายสูงตามไปด้วย แต่ที่ผ่านมา SVL ยังมีกำไรมาโดยตลอด และมีการเติบโตในระดับ 2 หลักอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับ SVL มีฐานธุรกิจอยู่ที่บางสะพาน ทำให้มีการขนส่งสินค้าเหล็กสมํ่าเสมอต่อเนื่องทุกวัน โดยมีงานขนส่งทางรถเทรเลอร์จากบางสะพานไปยังกรุงเทพฯ- ปริมณฑล และภาคตะวันออก เฉลี่ยวันละประมาณ 150 คัน
“ยืนยันว่าศักยภาพ SVL มีความพร้อมที่จะดำเนินการด้านนี้ เพราะมีประสบการณ์ทั้งด้าน รถ เรือ และท่าเรือมากว่า 50 ปี รวมถึงยังมีบุคลากรที่ผ่านการอบรมพร้อมที่จะเข้าไปฝึกคนในพื้นที่ รวมทั้ง SVL ยังอยู่ในชัยภูมิที่เหมาะสม สามารถเชื่อมต่อระหว่างเมืองมะริดสู่อำเภอบางสะพาน เพื่อจะเชื่อมต่อไปยังพื้นที่EEC หรือการส่งออกโดยตรงไปยังเอเชียตะวันออกได้แล้ววันนี้”
++จะเชื่อมทางทะเลด้วยหรือไม่
ด้วยจุดแข็งที่เหนือใครจึงทำให้ธุรกิจ SVL มีความมั่นคงในด้านรายได้ และมีจุดแข็งในการขยายงานขนส่งสินค้าขากลับ (Backhaul) เพื่อรับสินค้าจากกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และภาคตะวันออกไปยังภาคใต้ จึงกล่าวได้ว่า SVL ให้บริการขนส่งเส้นทางภาคใต้ด้วยราคาดีที่สุด และมีรถพร้อมให้บริการสมํ่าเสมอ ปัจจุบัน SVL มีการขนส่งให้บริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ปูน ปุ๋ย ท่อส่งนํ้าอิฐมวลเบา จากการขยายงานขนส่งลูกค้าภายนอก ทำให้ปัจจุบัน SVL มีสัดส่วนรายได้ลูกค้าในกลุ่มเหล็ก และลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ คิดเป็น 70:30
นอกจากนั้นพื้นที่บางสะพานยังมีท่าเรือประจวบซึ่งเป็นท่าเรือนํ้าลึกขนาดใหญ่ ดำเนินการโดยบริษัทท่าเรือประจวบ จำกัด (บริษัทในเครือ SVL) จึงถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการเชื่อมโยงการขนส่งทางทะเลของภาค
ใต้ทางฝั่งอ่าวไทยเพื่อเชื่อมโยงกับโครงการ EEC รวมทั้งส่งออกไปยังเอเชียตะวันออก ในขณะที่ทางเมืองมะริด ซึ่งเป็นเมืองท่าที่สำคัญของเมียนมา และเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางทะเลทางฝั่งทะเลอันดามัน โดยมะริดอยู่ห่างจากด่านสิงขรประมาณ 180 กิโลเมตร และด่านสิงขรอยู่ห่างจากท่าเรือประจวบเพียง 90 กิโลเมตร จึงไม่เป็นอุปสรรคในการเดินทางแต่อย่างใด
“จากทำเลที่ตั้งที่เป็นจุดยุทธ ศาสตร์ของเมืองมะริด และบางสะพานจึงเป็นที่มาของการพัฒนาโครงการระเบียงเศรษฐกิจมะริด-บางสะพาน(Myeik-Bang Saphan Economic Land Bridge) เพื่อทำให้การพัฒนาการค้า การลงทุน และการขนส่งของทั้ง 2 ประเทศได้รับความสะดวกยิ่งขึ้นจึงเป็นโอกาสของบริษัทในการขยายงานด้านการขนส่งสินค้าทั้งขาเข้า และขาออกเมียนมา จากพื้นที่กรุงเทพฯ- ปริมณฑล และภาคตะวันออกไปด่านสิงขร และการส่งสินค้าจากด่านสิงขรผ่านท่าเรือประจวบ”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,287 วันที่ 13 -16 สิงหาคม พ.ศ. 2560