‘ยูยู’ลุยลงทุน 3 เฟส 400 ล้าน สัมปทานผลิตน้ำประปา 30 ปีเทศบาลหัวรอพิษณุโลก

12 ส.ค. 2560 | 03:28 น.
“ยูยู” เปิดสัญญาสัมปทานกิจการประปาเทศบาลหัวรอ พิษณุโลก 30 ปี เฟสแรกลุย 101 ล้านบาท ก่อสร้างระบบผลิตนํ้าประปา คาดใช้เงินลงทุนทั้ง 3 เฟส 400ล้านบาท พร้อมปรับเป้าเติบโตปี 60 ลดลงเหตุมีปริมาณฝนมากคนใช้ประปาลดลง

นายเชิดชาย ปิติวัชรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ จำกัด (มหาชน)หรือยูยู ผู้ดำเนินกิจการผลิตนํ้าประปาแบบครบวงจรในเครือบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรนํ้าภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ ให้สัมภาษณ์พิเศษ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงสัญญาสัมปทานผลิตนํ้าประปาระหว่างยูยูกับเทศบาลตำบลหัวรอ จังหวัดพิษณุโลกว่า ยูยูเป็นผู้ลงทุน โดยมีระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี นับจากวันที่ได้รับสัมปทานที่จะเริ่มภายในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยผลิตนํ้าประปาให้กับโรงงานอุตสาหกรรม โรงแรมและชุมชน ในเทศบาลตำบลหัวรอ โดยสัญญาครอบคลุมตั้งแต่ระบบผลิต ระบบจำหน่าย ผ่านมาตรเก็บเงิน โดยที่ท้องถิ่นไม่ต้องจ่ายเงินงบประมาณลงทุน แต่ยูยูจะเป็นผู้บริหารจัดการเองทั้งหมด โดยรูปแบบสัญญาสัมปทานยูยูจะรับผิดชอบผู้ใช้นํ้าปลายทางทั้งชาวบ้าน ที่พักอาศัย โรงงาน โรงแรมจากเดิมขายนํ้าแบบขายส่ง

[caption id="attachment_191911" align="aligncenter" width="503"] เชิดชาย ปิติวัชรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ จำกัด (มหาชน)หรือยูยู เชิดชาย ปิติวัชรากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูนิเวอร์แซล ยูทีลิตี้ส์ จำกัด (มหาชน)หรือยูยู[/caption]

ทั้งนี้ยูยูวางแผนการลงทุนออกเป็น 3 เฟส เงินลงทุนรวมประมาณ 400 ล้านบาท สำหรับระบบผลิตและระบบท่อโดยเฟสแรกจะลงทุน 101 ล้านบาทก่อสร้าง ระบบผลิตนํ้าประปาขนาด 6,000 ลูกบากศ์เมตรต่อวัน มีนํ้าประปารองรับได้ 5 ปี

สำหรับสาเหตุที่ยูยูให้ความสนใจเข้าไปลงทุนในจังหวัดพิษณุโลกเกิดจากเหตุผลหลายส่วน ไล่ตั้งแต่เป็นเมืองท่องเที่ยว โดยจังหวัดพิษณุโลกเป็นประตูเข้าสู่ภาคเหนือ เป็นเมืองท่าสี่แยกอินโดจีน และในตัวเมืองพิษณุโลกและในเทศบาลตำบลหัวรอมีประชากรหนาแน่น นอกจากนี้ในอนาคตยังเป็นเมืองที่มีรถไฟความเร็วสูงวิ่งจากกรุงเทพฯ- เชียงใหม่ จะผ่านจังหวัดพิษณุโลก รวมไปถึงมีแผนสร้างเมืองใหม่ตามวิสัยทัศน์ 2020 จะมีถนนรอบเมืองเข้าสู่พื้นที่เทศบาลหัวรอ

นายเชิดชายกล่าวถึงความคืบหน้าแผนศึกษาการลงทุนนอกพื้นที่ภาคตะวันออก โดยให้บริการผลิตนํ้าประปาที่จังหวัดชุมพร ตรังและสงขลานั้นขณะนี้ได้ส่งแผนให้เทศบาลใน 3 จังหวัดดังกล่าวไปแล้ว ขณะนี้รอให้ทางท้องถิ่นพิจารณาอยู่

“เมื่อต้นปี 2560 ตั้งเป้าว่า ปีนี้คาดว่าผู้ใช้นํ้าและปริมาณนํ้าจะเติบโต 5-6% นั้น จะปรับเป้าลงมาเหลือเติบโตราว 3-4% ตํ่ากว่าเป้า เนื่องจากปีนี้มีปริมาณฝนมาก ทำให้คนใช้นํ้าประปาน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยชุมชนมีการเก็บนํ้าฝนไว้ใช้ ในขณะที่ชุมชนเติบโต 1-1.5% ซึ่งอัตราการใช้นํ้าไม่ได้ตํ่ากว่าประชากร ทำให้ปีนี้เป็นปีที่ยูยูหันมาให้ความสำคัญกับการเพิ่มประสิทธิ ภาพการผลิตนํ้าประปาและลดต้นทุนให้ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา โดยคาดว่าถึงสิ้นปี 2560 จะมียอดขาย 1,400 ล้านบาท จากการขายนํ้าประมาณ 97 ล้านลูกบากศ์เมตร มีผู้ใช้นํ้ารวมประมาณ 2 แสนราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มียอดขายประมาณ 1,200 ล้านบาท โดยพื้นที่ที่ยูยูให้บริการนํ้าประปาประกอบด้วย จังหวัดราชบุรี ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา นครสวรรค์ พิษณุโลก สัตหีบ สมุย

ปัจจุบันยูยูมีสัญญาในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับนํ้าประปาในกลุ่มสัญญาสัมปทานกับการประปาส่วนภูมิภาค เช่น กิจการประปาระยอง ภายใต้สัญญาให้เอกชนผลิตนํ้าประปาเพื่อขายให้แก่การประปาส่วนภูมิภาค ที่สำนักงานประปาระยอง จังหวัดระยอง กิจการประปาชลบุรี ภายใต้สัญญาซื้อขายนํ้าประปาเพื่อสำนักงานประปาชลบุรี จังหวัดชลบุรี กิจการประปาฉะเชิงเทรา ภายใต้สัญญาให้เอกชนผลิตนํ้าประปาเพื่อขายแก่สำนักงานประปาของการประปาส่วนภูมิภาค ที่สำนักงานประปาฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นต้น

นอกจากนั้นยูยูมีสัญญาในการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับนํ้าประปาในกลุ่มสัญญาสัมปทานกับเทศบาล เช่น กิจการประปาเทศบาลตำบลหัวรอ ภายใต้สัญญาซื้อขายนํ้าประปาในเขตเทศบาลตำบลหัวรอ อำเภอเมืองพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก กับเทศบาลตำบลหัวรอ เป็นต้น ส่วนกลุ่มรับจ้างบริหารกิจการประปา ประกอบด้วยกิจการประปาสัตหีบ ภายใต้สัญญาจ้างงานผลิต สูบส่งนํ้าประปา บำรุงรักษาระบบประปา และงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ให้แก่บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรนํ้าภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) และกิจการประปาบ่อวิน ภายใต้สัญญาจ้างงานผลิต สูบส่งนํ้าประปา บำรุงรักษาระบบประปา และงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้แก่บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรนํ้าภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน)

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,286 วันที่ 10 -12 สิงหาคม พ.ศ. 2560