เปิด 3 ทำเลทองคอนโด สวนลุมฯ-สุขุมวิท-ทองหล่อ อนาคตพุ่งตารางเมตรละล้าน

08 ส.ค. 2560 | 00:04 น.
กูรูอสังหาฯ ชี้จับตาพื้นที่สวนลุมฯ-สุขุมวิท-ทองหล่อ แนวโน้มคอนโดฯราคาพุ่งล้านบาทต่อตารางเมตร เหตุราคาที่ดินพุ่ง ไม่คุ้มพัฒนาสินค้าราคาขายตํ่ากว่า 2.5 แสนบาทต่อตารางเมตร พุ่งเป้าลูกค้าต่างชาติ ไนท์แฟรงค์ ยันอสังหาฯระดับไพรม์ในกรุงเทพฯความต้องการยังสูง

การเพิ่มขึ้นของราคาที่ดินย่านกลางเมือง และการลดลงของจำนวนที่ดิน ประกอบกับผู้ประกอบการต่างสรรหากลยุทธ์และวิธีการสร้างความแตกต่างให้กับโครงการที่พัฒนา หวังเพิ่มมูลค่าและความน่าสนใจ ส่งผลให้อสังหาริมทรัพย์เกิดใหม่ประเภทคอนโดมิเนียมมีราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจสูงถึง 1ล้านบาทต่อตารางเมตรในอนาคต

นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์สอินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ช่วง3-4 ปีที่ผ่านมา เริ่มมีโครงการคอนโดมิเนียมที่มีราคาขายมากกว่า3 แสนบาทต่อตารางเมตรเข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น จากการสำรวจพบว่าปัจจุบันมีคอนโดมิเนียมหรูรวมทั้งสิ้นประมาณ 3,477 หน่วยอัตราการขาย 65% สะท้อนว่าคอนโดมิเนียมระดับนี้ได้รับความสนใจระดับหนึ่ง โดยกลุ่มผู้ซื้อมีทั้งชาวไทยและต่างชาติ

1P332 สำหรับทำเลยอดนิยมอยู่ในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ (CBD)โดยเฉพาะแนวถนนสุขุมวิทเพราะปัจจัยจากราคาที่ดินแนวถนนสุขุมวิทมีราคามากกว่า 1.5ล้านบาทต่อตารางวา ทำให้ผู้ประกอบการที่คิดจะพัฒนาต้องพัฒนาโครงการที่มีราคาขายมากกว่า 2.5 แสนบาทต่อตารางเมตรขึ้นไป จึงจะคุ้มกับการลงทุน

“ปัจจุบันลักชัวรี คอนโดมิเนียมราคาปรับตัวต่อเนื่อง บางโครงการราคาขายมากกว่า 7 แสนบาทต่อตารางเมตร แต่ก็เป็นเพียงแค่บางหน่วย นอกจากนี้ยังมีบางโครงการที่ราคาขายเริ่มต้นมากกว่า 5 แสนบาทต่อตารางเมตรและมากกว่า 3 แสนบาทต่อตารางเมตรก็หลายโครงการเช่นกัน ขณะที่หน่วยที่ต้องการขายต่อ (รีเซล) บางหน่วยมีราคาขายมากกว่า 3.5-4 แสนบาทต่อตารางเมตร ที่เป็นเช่นนี้แสดงว่ายังมีคนซื้อ”

ทำเลที่คาดว่าราคาขายคอนโดมิเนียมทั้งของเก่าที่การก่อสร้างคืบหน้าไปแล้วและโครงการใหม่ที่จะเปิดในอนาคต มีแนวโน้มที่ราคาขายอาจจะมากกว่าปัจจุบันค่อนข้างมากคือ พื้นที่รอบๆ สวนลุมพินี และตามแนวถนนสุขุมวิทถึงประมาณซอยทองหล่อ อาจจะรวมไปถึงพื้นที่ริมแม่นํ้าเจ้าพระยาบ้าง

MP33-3285-A แนวโน้มราคาขายคอนโดมิเนียมในอนาคต คาดว่าจะมีบางโครงการเปิดขายในราคาที่สูงกว่า 6-7 แสนบาทต่อตารางเมตร แต่ต้องมีองค์ประกอบหรือว่ารูปแบบโครงการที่เทียบเท่าหรือว่าดีกว่าโครงการที่เปิดขายในปัจจุบัน พร้อมกับปัจจัยที่แตกต่างกว่าและดีกว่าเช่น มีเชนโรงแรมระดับ ซูเปอร์ลักชัวรี มาบริหารโครงการ มีการใช้ผู้ออกแบบระดับโลกที่ทำโครงการไม่มากและเป็นที่ยอมรับและอยู่ในทำเลที่ราคาที่ดินสูงกว่า 2 ล้านบาทต่อตารางวา ก็อาจจะเป็นไปได้ที่เปิดขายในราคาแตะ 1 ล้านบาทต่อตารางเมตร แต่คงอีกหลายปีจากนี้เพราะต้องดูองค์ประกอบในเรื่องของภาวะเศรษฐกิจ การเมืองและการเข้ามาของชาวต่างชาติรวมไปถึงสถานการณ์ของประเทศในระยะยาวประกอบกัน

ด้านนางสาวริษิณี สาริกบุตรผู้อำนวยการ หัวหน้าฝ่ายวิจัยและที่ปรึกษา บริษัท ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า อสังหาฯเชิงที่อยู่อาศัยระดับไพรม์ที่ตั้งอยู่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจในกรุงเทพฯ มีแนวโน้มดีโดยช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีหลากหลายโครงการที่โดดเด่นด้านคุณภาพและราคาขายต่อตารางเมตร ผลตอบแทนทางการลงทุนชนิด 5ปี จากช่วงไตรมาสแรกปี 2555ถึงไตรมาสแรกปี 2560 อยู่ที่ประมาณ 51.3%

“ประเทศไทยยังคงเป็นทางเลือกด้านการลงทุนในระยะยาวที่ดี เนื่องจากกลุ่มที่มาของผู้ซื้อมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องส่งผลทำให้นักลงทุนมีโอกาสที่จะได้อัตราผลตอบแทนและผลตอบแทนจากการลงทุนมากขึ้น อสังหาฯระดับไพรม์ในกรุงเทพฯจะเห็นการเติบโตอย่างจำกัดทางด้านจำนวนสินค้าเนื่องจากปัญหาการขาดแคลนที่ดินที่เหมาะสมในราคาที่เหมาะสม ดังนั้นราคาขายของอสังหาฯในภาคนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก เมื่อไม่มีสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นได้ในขณะที่ความต้องการยังคงสูงขึ้น”

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,285 วันที่ 6 -9 สิงหาคม พ.ศ. 2560