หอฯสกลนครคาดฟื้นฟูน้ำท่วมนับปี
หอการค้าสกลนครคาดนํ้าท่วมเขตเทศบาลทำความเสียหายกว่าพันล้านบาท ใช้เวลาฟื้นฟูไม่น้อยกว่า 1 ปี มีรถจมนํ้าไม่ตํ่ากว่า 300 คัน
นางกมลลักษณ์ นามประกาย กรรมการอาวุโส หอการค้าจังหวัดสกลนคร และอดีตประธานหอการค้าสกลนคร เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า พื้นที่ในเขตเทศบาล 70% ของธุรกิจร้านค้าได้รับผลกระทบจากนํ้าท่วม ประเมินโดยเบื้องต้นได้รับความเสียหายไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ร้านค้า โชว์รูมรถจักรยานยนต์ โรงงาน โกดังข้าวสาร ได้รับความเสียหาย เพราะ นํ้าจากเทือกเขาภูพานลงมาเร็วมาก ขณะนี้บางพื้นที่นํ้ายังอยู่ในระดับเดิม จนเริ่มจะเน่าเสียแล้ว บางพื้นที่นํ้าเริ่มลดบ้างแล้ว ก็เริ่มเก็บกวาดทำความสะอาด ปัญหาที่ตามมาคือขยะเต็มเมือง เนื่องจากช่วงนํ้าท่วมชาวบ้านได้รับอาหารปรุงสำเร็จและนํ้าดื่มมาช่วยเหลือ แต่ไม่มีที่ทิ้งขยะ ของใช้ที่จำเป็นในขณะนี้คือ ถุงขยะ ถุงมือ แปรงขัดพื้น สำหรับทำความสะอาด
“อาหารปรุงสำเร็จและนํ้าดื่มสำหรับเขตเทศบาลมีเพียงพอแล้ว หอการค้าจึงประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 หอการค้าภาค หอการค้าไทย นำอาหารลงเรือของตชด.ไปส่งให้ชุมชนที่อยู่ลึกๆ จากเขตเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังนำอาหาร เทียนไข ไฟฉายของยังชีพอื่นๆ ไปส่งให้มณฑลทหารบกที่ 29 และตชด.เพื่อส่งเฮลิคอปเตอร์ให้กับชาวบ้านห่างไกลและยากจะเข้าถึง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนชั่วคราวก่อน”
นางกมลลักษณ์ กล่าวต่อไปว่า นํ้าท่วมสกลนครครั้งนี้ บริษัทประกันภัยประเมินว่า มีรถยนต์ได้รับความเสียหายจากการจมนํ้าไม่น้อยกว่า 300 คัน ซึ่งบริษัทรถยนต์ได้ให้ความช่วยเหลือลูกค้าด้วยการให้ส่วนลดค่าอะไหล่และค่าแรง โดยเบื้องต้น หากรถยังเคลื่อนที่ได้ก็สามารถเข้ารับบริการได้ทันที แต่หากรถยนต์จมนํ้านานเกิน 3 วัน จำเป็นต้องได้รับการลากจูง เปลี่ยนถ่ายของเหลวไล่ความชื้นโดยช่างที่ชำนาญการ อาจต้องใช้เวลาหลายวัน โดยสำนักงานใหญ่ระดมทีมช่างมาให้บริการในพื้นที่แล้ว
“สิ่งที่อยากให้รัฐบาลให้การช่วยเหลือเยียวยาคือมาตรการลดหย่อน ด้านพักการชำระหนี้ 3-6 เดือน เงินกู้ดอกเบี้ยตํ่า สำหรับการฟื้นฟูกิจการ เพราะบางแห่งนํ้าท่วมเครื่องจักรได้รับความเสียหายทั้งหมด ต้องใช้เวลาฟื้นฟูไม่น้อยกว่า 1 ปี จังหวัดสกลนครได้รับความเสียหายทั้ง 18 อำเภอ ทั้งพาณิชยกรรมในเมือง และเกษตรกรรม โดยขณะนี้กำลังประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร เพื่อนำแผนฟื้นฟูเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) เพื่อระดมความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงาน เพราะเหตุการณ์นํ้าท่วมยังส่งผลต่อเนื่องไปยังจังหวัดอื่น ไม่ว่าจะเป็นนครพนม อุดรธานี เพียงแต่ไม่ได้ท่วมเขตเศรษฐกิจหลักหรือท่วมทั้งจังหวัดแบบสกลนครเท่านั้น”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,285 วันที่ 6 -9 สิงหาคม พ.ศ. 2560
นางกมลลักษณ์ นามประกาย กรรมการอาวุโส หอการค้าจังหวัดสกลนคร และอดีตประธานหอการค้าสกลนคร เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า พื้นที่ในเขตเทศบาล 70% ของธุรกิจร้านค้าได้รับผลกระทบจากนํ้าท่วม ประเมินโดยเบื้องต้นได้รับความเสียหายไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ร้านค้า โชว์รูมรถจักรยานยนต์ โรงงาน โกดังข้าวสาร ได้รับความเสียหาย เพราะ นํ้าจากเทือกเขาภูพานลงมาเร็วมาก ขณะนี้บางพื้นที่นํ้ายังอยู่ในระดับเดิม จนเริ่มจะเน่าเสียแล้ว บางพื้นที่นํ้าเริ่มลดบ้างแล้ว ก็เริ่มเก็บกวาดทำความสะอาด ปัญหาที่ตามมาคือขยะเต็มเมือง เนื่องจากช่วงนํ้าท่วมชาวบ้านได้รับอาหารปรุงสำเร็จและนํ้าดื่มมาช่วยเหลือ แต่ไม่มีที่ทิ้งขยะ ของใช้ที่จำเป็นในขณะนี้คือ ถุงขยะ ถุงมือ แปรงขัดพื้น สำหรับทำความสะอาด
“อาหารปรุงสำเร็จและนํ้าดื่มสำหรับเขตเทศบาลมีเพียงพอแล้ว หอการค้าจึงประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 2 หอการค้าภาค หอการค้าไทย นำอาหารลงเรือของตชด.ไปส่งให้ชุมชนที่อยู่ลึกๆ จากเขตเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังนำอาหาร เทียนไข ไฟฉายของยังชีพอื่นๆ ไปส่งให้มณฑลทหารบกที่ 29 และตชด.เพื่อส่งเฮลิคอปเตอร์ให้กับชาวบ้านห่างไกลและยากจะเข้าถึง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนชั่วคราวก่อน”
“สิ่งที่อยากให้รัฐบาลให้การช่วยเหลือเยียวยาคือมาตรการลดหย่อน ด้านพักการชำระหนี้ 3-6 เดือน เงินกู้ดอกเบี้ยตํ่า สำหรับการฟื้นฟูกิจการ เพราะบางแห่งนํ้าท่วมเครื่องจักรได้รับความเสียหายทั้งหมด ต้องใช้เวลาฟื้นฟูไม่น้อยกว่า 1 ปี จังหวัดสกลนครได้รับความเสียหายทั้ง 18 อำเภอ ทั้งพาณิชยกรรมในเมือง และเกษตรกรรม โดยขณะนี้กำลังประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร เพื่อนำแผนฟื้นฟูเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน (กรอ.) เพื่อระดมความช่วยเหลือจากทุกหน่วยงาน เพราะเหตุการณ์นํ้าท่วมยังส่งผลต่อเนื่องไปยังจังหวัดอื่น ไม่ว่าจะเป็นนครพนม อุดรธานี เพียงแต่ไม่ได้ท่วมเขตเศรษฐกิจหลักหรือท่วมทั้งจังหวัดแบบสกลนครเท่านั้น”
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,285 วันที่ 6 -9 สิงหาคม พ.ศ. 2560