SME บริหารเสี่ยงรับบาทแข็งโอดค่าเงินผวนยาวอยู่ยาก ‘ออร์เดอร์หายกำไรหด’

05 ส.ค. 2560 | 00:17 น.
ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีเผยเงินบาทแข็งค่าส่งผลต่อกำไรจากการส่งออก “โจ-ลี่แฟมิลี่” ชี้หายไปเกือบ 1% ระบุหากสถานการณ์ยืดยาวอาจลำบาก วอนรัฐสรุปสถานการณ์เพื่อต่อรองลูกค้า ด้าน “โรสอารยาฟู้ด” อ่วมกำไรหาย 10-15% ออร์เดอร์หด

จากสถานณ์การค่าเงินบาทผันผวนทำให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอีต้องวิ่งบริหารความเสี่ยง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการที่มีส่วนแบ่งตลาดที่มาจากการส่งออกด้วย ทำให้ผู้ประกอบการต้องออกมาบริหารความเสี่ยงเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด

TP13-3234-B นายณัฐวุฒิ เผ่าปรีชา กรรมการผู้จัดการผู้บริหารของ บริษัท โจ-ลี่ แฟมิลี่ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลไม้อบแห้งแบรนด์ “Wel-b” เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากกรณีที่ค่าเงินบาทในปัจจุบันแข็งค่ามาอยู่ที่ระดับ 33.40 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ได้ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกิจทางด้านของผลกำไร โดยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา กำไรจากการส่งออกหายไปแล้วเกือบ 1% ซึ่งหากสถานการณ์ค่าเงินยังเป็นแบบนี้ต่อไปในระยะยาวน่าจะทำให้ธุรกิจประสบปัญหาอย่างแน่นอน

ทั้งนี้บริษัทเป็นทั้งผู้นำเข้าวัตถุดิบ และผลิตสินค้าส่งออก แม้ว่าทั้ง 2 ฝั่งจะสามารถช่วยให้ธุรกิจเกิดความสมดุลได้ แต่ด้วยอัตราของผลกำไรที่มีไม่มาก ค่าเงินบาทที่มีการเปลี่ยนแปลงจาก 35 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐมาอยู่ที่ระดับ 33.40 บาทต่อดอลลลาร์สหรัฐฯจึงมีผลอย่างมาก อีกทั้งในช่วงเวลาปัจจุบันยังเป็นช่วงที่สินค้าส่งออกขายดี ธุรกิจจึงได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

[caption id="attachment_188102" align="aligncenter" width="315"] SMEบริหารเสี่ยงรับบาทแข็งโอดค่าเงินผวนยาวอยู่ยาก‘ออร์เดอร์หายกำไรหด’ SMEบริหารเสี่ยงรับบาทแข็งโอดค่าเงินผวนยาวอยู่ยาก‘ออร์เดอร์หายกำไรหด’[/caption]

“เข้าใจว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของค่าเงินอยู่แล้ว แต่ด้วยความที่บริษัทเป็นเอสเอ็มอีขนาดเล็ก และมีสินค้าส่งออกย่อมได้รับผลกระทบอย่างมากหากค่าเงินผันผวน หากจะให้ไปทำประกันความเสี่ยงค่าเงิน (ฟอร์เวิร์ด) ก็ดูจะเป็นเรื่องที่วุ่นวาย และยุ่งยาก”

อย่างไรก็ตามประเด็นที่ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือก็คือ ก็ประเมินสถานการณ์ในภาพรวมล่าสุดและวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ในระยะต่อไป เพื่อที่จะนำไปเป็นข้อมูลในการเจรจากับลูกค้าเพื่อขอปรับขึ้นราคาสินค้า เนื่องจากที่ผ่านมาลูกค้ามักจะอ้างว่าเหตุการณ์ค่าเงินเกิดขึ้นเพียงระยะสั้นเท่านั้น จึงไม่สามารถขอปรับขึ้นราคาได้ หากมีข้อมูลไปยืนยันก็จะช่วยให้การเจรจาเป็นไปอย่างสมเหตุสมผลมากขึ้น

สอดคล้องกับนายฉัตรชัย โพธิ์วรสิน ที่ปรึกษา บริษัท โรสอารยาฟู้ด จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายขนมไทยส่งออกด้วยนวัตกรรมแช่แข็งภายใต้แบรนด์ “ใบสลาด” ที่ระบุว่า ช่วงที่ค่าเงินบาทแข็งค่าส่งผลให้กำไรที่เคยได้จากการขายสินค้าหายไปประมาณ 10-15% ด้านลูกค้าเองก็มีการสั่งออร์เดอร์ลดลง เนื่องจากมองว่าค่าเงินบาทแข็งค่าไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนในการสั่งสินค้าไปจำหน่าย ขณะที่บริษัทเองก็ต้องชะลอกำลังการผลิตลง จากเดิมที่มีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อขยายตลาดส่งออก

สำหรับแนวทางแก้ปัญหาในเบื้องต้นนั้น บริษัทได้ดำเนินการซื้อประกันความเสี่ยงเรื่องของค่าเงินในการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และยุโรป เนื่องจากมองว่าค่าเงินค่อนข้างผันผวน จากเดิมที่ไม่เคยดำเนินการมาก่อน

นอกจากนี้ ยังปรับเปลี่ยนวิธีการเก็บเงินจากลูกค้า โดยหากเป็นลูกค้ารายใหม่ก็จะขอเรียกชำระค่าสินค้าก่อน ไม่มีการให้เครดิตนำสินค้าไปจำหน่ายก่อนค่อยชำระเงินเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งสามารถช่วยบรรเทาปัญหาลงไปได้บ้าง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,284 วันที่ 3 -5 สิงหาคม พ.ศ. 2560