ตลาดเอสยูวีที่กำลังเบ่งบาน เมืองไทยมีรถประเภทนี้เปิดตัวแทบทุกเดือน(ถ้านำมาเฉลี่ยอาจจะเดือนละ2 รุ่นด้วยซ้ำ) ล่าสุด “เมอร์เซเดส-เบนซ์” และ “แลนด์โรเวอร์” ปล่อยทีเด็ดออกมาในวันเดียวกัน(21 ก.ค.) ฝ่ายแรกเป็นรถแบบเอ็นทรี-เลเวลของค่าย ส่วนฝ่ายหลังถือเป็นตัวท็อปที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน
“จีแอลเอ” เป็นเอสยูวีน้องเล็กของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัวครั้งแรกในเมืองไทยที่งานบางกอก มอเตอร์โชว์ 2014 และถัดมาอีก 1 ปีถึงจะมีรุ่นประกอบในประเทศ
3 ปีผ่านไปได้ฤกษ์ “เฟสลิฟต์” โดย GLA 200 Urban ราคา 2.09 ล้านบาท และ GLA 250 AMG Dynamic ราคา 2.39 ล้านบาท ขณะเดียวกันเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ยังนำเข้าตัวแรง “เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีแอลเอ 45 4เมติก” ราคา 4.84 ล้านบาท มาสร้างสีสันด้วย
เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีแอลเอ 45 ใหม่ ออกแบบฝากระโปรงหน้า ลวดลายของช่องรับอากาศด้านหน้าใหม่ ระบบไฟหน้าแบบ LED High Performance พร้อมระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist) และ AMG Night Package, AMG Aerodynamic package ที่เพิ่มชุดตกแต่งกันชนหน้าและกันชนหลังสีดำแบบไฮ-กลอสให้มีความสปอร์ต พร้อมกับดิฟฟิวเซอร์ลวดลายใหม่บริเวณกันชนหลัง การเลือกใช้วัสดุเก็บขอบสีดำปลายขอบ สปอยเลอร์หลังคาที่ปรับแต่งใหม่ ประกบล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 10 ก้าน ขนาด 20”
ภายในใช้เบาะที่นั่งหุ้มหนังแบบสปอร์ต ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต พวงมาลัยแบบพิเศษ AMG Performance Steering Wheel Nappa/DINAMICA ที่เพิ่มความกระชับและมั่นใจตลอดการขับขี่ ตกแต่งภายในด้วย AMG Design trim in black/ red แบบ CARBON FIBRE ที่คมเข้มดุดัน และเข็มขัดนิรภัยสีแดงที่เข้ากับสีเบาะ
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 381 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 475 นิวตัน-เมตรที่ 2,250-5,000รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 4.4 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม.
โดยเกียร์แบบสปอร์ต AMG SPEEDSHIFT DCT 7-speed จะส่งแรงบิดลงสู่ล้อคู่หน้าและคู่หลังอย่างเท่ากัน ทั้งยังติดตั้งระบบ rear axle differential with integrated multi-disc clutch ซึ่งเป็นระบบควบคุมการทำงานของเพลาขับหลังด้วยคลัตช์แบบหลายจานที่ปรับตั้งค่าโดยเอเอ็มจี ช่วยให้เครื่องยนต์ส่งแรงบิดไปที่ล้อคู่หลังในกรณีที่ล้อคู่หน้าไม่สามารถยึดเกาะพื้นผิวถนนได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามผู้ขับขี่สามารถปรับตั้งโหมดการทำงานของระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC ได้ 2 แบบ คือแบบขับเคลื่อน 2 ล้อหรือแบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่จะมีอัตราการถ่ายเทกำลังหน้า-หลังเท่ากัน 50 : 50
สำหรับเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีแอลเอ 45 น่าจะเป็นรุ่นที่เข้ามาเสริมภาพลักษณ์มากกว่าหวังยอดขาย เพราะตัวเริ่มต้น GLA 200 Urban วางเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร เทอร์โบ 156 แรงม้า หรือ GLA 250 AMG 2.0 ลิตร เทอร์โบ 211 แรงม้า ก็เพียงพอต่อการใช้งานแล้ว
ในขณะที่ “จีแอลเอ” เพิ่งคลอดสู่โลกได้ประมาณ 3ปี เอสยูวีรุ่นใหญ่วัยเก๋าอย่าง “ดิสคัฟเวอรี” นั้นขายมานานถึง 27 ปีแล้ว โดยโฉมใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวถือเป็นเจเนอเรชันที่ 5
อินช์เคป ประเทศไทย ผู้แทนจำหน่ายรถยนต์จากัวร์และแลนด์โรเวอร์อย่างเป็นทางการ เปิดตัว “แลนด์ โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี โฉมใหม่” (All New Land Rover Discovery) ที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของรถตระกูลดิสคัฟเวอรี จุดเด่นคือการใช้วัสดุอะลูมิเนียมขึ้นรูปตัวถังแบบโมโนค็อกที่น้ำหนักเบากว่าเดิม 200 กิโลกรัม ผสานกับความสามารถในการขับขี่ทุกสภาพภูมิประเทศ ทุกพื้นผิวถนน ลุยน้ำลึกได้สูงสุด 900 มิลลิเมตรหรือเพิ่มขึ้นจากรุ่นเก่า 200 มิลลิเมตร และรองรับเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่ง พร้อมปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานได้หลากหลาย
ด้านระบบความบันเทิง InControl Touch Pro ประกอบด้วยหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 10 นิ้ว ในตำแหน่งแผงหน้าปัดกลาง การเชื่อมต่อกับระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ผสานกับ Meridian ระบบเสียงรอบทิศทางที่มีลำโพง 14 ตัว พร้อมด้วยซับวูฟเฟอร์ มีจุดชาร์จไฟขนาด 12 โวลต์มากถึง 6 จุด ช่องเสียบสาย USB 7 จุด หรือมากถึง 9 จุดเมื่อมีการติดตั้งชุดความบันเทิงสำหรับที่นั่งตอนหลัง
เครื่องยนต์ดีเซล วี6 ขนาด 3.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด258แรงม้าที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 600 นิวตัน-เมตร ที่ 1,750-2,250รอบ/นาที ส่งกำลังด้วย เกียร์อัตโนมัติ ZF8 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 8.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 209 กม./ชม. พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออันเลื่องชื่อ
สำหรับแลนด์ โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี โฉมใหม่ แบ่งเป็น 2 รุ่นย่อย คือ SE ราคา 6.499 ล้านบาท และ HSE ราคา 6.999 ล้านบาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,282 วันที่ 27 - 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2560