กรุงศรีเผยตั้งแต่ต้นปีบาทแข็งค่าราว 7%
กรุงศรีชี้ทิศเงินบาททั้งสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 33.25-33.60 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 33.45 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ก่อน- หลังมีแรงขายดอลลาร์ต่อเนื่องและบาททำสถิติแข็งค่าสุดราว7%ตั้งแต่ต้นปี2560
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท ในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.25-33.60 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 33.45 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังมีแรงขายดอลลาร์ต่อเนื่องและเงินบาททำสถิติแข็งค่าสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2558 ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปี 2560 เงินบาทแข็งค่าราว 7% ซึ่งเป็นสกุลเงินที่แข็งค่าที่สุดในอาเซียนและแข็งค่ามากที่สุดเป็นอันดับสองในเอเชียรองจากเงินวอนเกาหลีใต้ ในสัปดาห์ที่แล้ว นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยและพันธบัตรมูลค่า 100 ล้านบาท และ 2.0 พันล้านบาท ตามลำดับ
“ แม้ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ระมัดระวังอย่างมากและเลือกที่จะส่งสัญญาณให้น้อยที่สุดเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวเชิงนโยบายในระยะถัดไป แต่แถลงการณ์ล่าสุดบ่งชี้ว่ามีโอกาสสูงที่อีซีบีจะประกาศการเริ่มลดขนาดมาตรการ QE ในเดือนตุลาคม ซึ่งส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินหลายสกุล ขณะที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สัปดาห์นี้ ตลาดไม่ได้คาดหวังว่าจะมีการปรับนโยบายเนื่องจากเฟดเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปเมื่อเดือนมิถุนายน แต่นักลงทุนจะให้ความสนใจกับการประเมินภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าเฟดมีแนวโน้มที่จะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในปีนี้หรือไม่ รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับแผนปรับลดขนาดงบดุลของเฟด โดยตลาดจะติดตามความคืบหน้ากรณีวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันพยายามผ่านร่างกฏหมายระบบประกันสุขภาพซึ่งประสบความล้มเหลวเมื่อสัปดาห์ก่อน”
สำหรับปัจจัยในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นส่งผลกระทบจำกัดต่อความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกของไทยและมั่นใจว่ายอดส่งออกปีนี้จะขยายตัวได้ 5% ขณะที่ธปท.กล่าวว่ามีการเข้ามาดูแลค่าเงินบาทแต่ไม่มากนักเพราะสาเหตุหลักที่เงินบาทแข็งมาจากเงินดอลลาร์ในตลาดโลกที่อ่อนค่า นอกจากนี้ ทางการประเมินว่าปัญหาแรงงานต่างด้าวจะเป็นความเสี่ยงและเป็นปัจจัยที่ทำให้ธปท.ยังไม่ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ให้เติบโตสูงกว่า 3.5% ทั้งนี้ ข้อมูลส่งออกของไทยแข็งแกร่งกว่าคาดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในเดือนมิถุนายนขยายตัวถึง 11.7% โดยมีปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว
กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท ในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 33.25-33.60 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 33.45 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังมีแรงขายดอลลาร์ต่อเนื่องและเงินบาททำสถิติแข็งค่าสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2558 ทั้งนี้ นับตั้งแต่ต้นปี 2560 เงินบาทแข็งค่าราว 7% ซึ่งเป็นสกุลเงินที่แข็งค่าที่สุดในอาเซียนและแข็งค่ามากที่สุดเป็นอันดับสองในเอเชียรองจากเงินวอนเกาหลีใต้ ในสัปดาห์ที่แล้ว นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยและพันธบัตรมูลค่า 100 ล้านบาท และ 2.0 พันล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับปัจจัยในประเทศ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นส่งผลกระทบจำกัดต่อความสามารถในการแข่งขันด้านการส่งออกของไทยและมั่นใจว่ายอดส่งออกปีนี้จะขยายตัวได้ 5% ขณะที่ธปท.กล่าวว่ามีการเข้ามาดูแลค่าเงินบาทแต่ไม่มากนักเพราะสาเหตุหลักที่เงินบาทแข็งมาจากเงินดอลลาร์ในตลาดโลกที่อ่อนค่า นอกจากนี้ ทางการประเมินว่าปัญหาแรงงานต่างด้าวจะเป็นความเสี่ยงและเป็นปัจจัยที่ทำให้ธปท.ยังไม่ปรับคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ให้เติบโตสูงกว่า 3.5% ทั้งนี้ ข้อมูลส่งออกของไทยแข็งแกร่งกว่าคาดอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดในเดือนมิถุนายนขยายตัวถึง 11.7% โดยมีปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว