ถอดรหัส KBANK‘บล็อกเชน’จุดพลิกธุรกิจสู่ดิจิตอล

26 ก.ค. 2560 | 07:47 น.
แนวคิดจะนำเทคโนโลยี blockchain เข้ามาใช้ในธุรกรรมทางการเงินเริ่มขยายวงมากขึ้นทั้งในภาคการเงินและภาคส่วนต่างๆ ที่ต้องการทราบว่าเทคโนโลยีนี้จะเข้ามาทำประโยชน์ต่อการใช้ชีวิต การประกอบธุรกิจ และการทำงานได้อย่างไร
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะผู้กำกับดูแลสถาบันการเงินทั้งด้านเสถียรภาพ และด้านความเสี่ยง ก็ต้องปรับตัวรับมือกับโลกการเงินในยุคดิจิตอล ปัจจุบันได้เปิดโครงการสนามทดสอบภายใต้การกำกับของธปท. (Regulatory Sandbox)เปิดให้เอกชนเสนอโครงการ

“ฤชุกร สิริโยธิน” รองผู้ว่า การธปท. กล่าวว่า ขณะนี้ธปท. อนุญาต ให้เอกชน 4 รายเข้าร่วมทดสอบเทคโนโลยีทางการเงิน(ฟินเทค) หรือนวัตกรรมที่ร่วมกันทดสอบ ได้แก่ บริษัท กสิกร บิสซิเนส เทคโนโลยี กรุ๊ป จำกัด หรือ เคบีทีจี ซึ่งเป็นโครงการแรกที่นำบล็อกเชนมาให้บริการออกหนังสือคํ้าประกัน (L/G)

อีก 2 รายเป็นโครงการบริการโอนเงินระหว่างประเทศ และอีก 1 รายเป็นเทคโนโลยีชั้นสูง ใช้ม่านตามาใช้ในการยืนยันตัวตน(Iris Recognition) เป็นเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งจะทำให้การ ยืนยันตัวตนปลอดภัยมากขึ้น

อย่างไรก็ตามความตื่นตัวในการนำฟินเทคมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สำคัญๆ หลายประเภท นอกจากเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ธนาคารกสิกรไทยร่วมทดลองกับธปท.แล้ว ยังมี QR Payment ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการชำระเงินที่อยู่ระหว่างศึกษา รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้วิเคราะห์วิจัยข้อมูล (Big Data) เป็นต้น

สำหรับแอลจี บล็อกเชน “พิพิธ อเนกนิธิ” กรรมการผู้จัดการธนาคารกสิกรไทย ขยายความว่า เป็นครั้งแรกของโลก ที่นำบล็อกเชนมาใช้ในการออกหนังสือคั้าประกัน(L/G) เพื่อตอบโจทย์ทางการตลาดให้กับลูกค้าทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและเพื่อธนาคารกสิกรไทย

ทั้งนี้แต่ละปีจะมี L/G ออกประมาณ 5 แสนฉบับ ซึ่งมี ต้นทุนจัดการที่แพง และยังมีความไม่สมบูรณ์ในแง่การทุจริต
ธปท.ระบุสถิติการออกหนังสือคํ้าประกันของธนาคารไทยทั้งระบบปี 2560 มีมูลค่าประมาณ 1.3 ล้านล้านบาทเติบโต 8% จากปี 2559 อยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ L/G เป็นกระดาษ 80% อีก 20% เป็นอิเล็กทรอนิกส์ แต่คาดอีก 2 ปีจะเหลือกระดาษ 65% อิเล็กทรอนิกส์ 35% และ 5% เป็นบล็อกเชนประมาณ 2 หมื่นฉบับ คาดว่ากสิกรไทยจะมีแชร์ปีนี้ 25% ซึ่งเป็นความท้าทาย

[caption id="attachment_183117" align="aligncenter" width="503"] ถอดรหัส KBANK‘บล็อกเชน’จุดพลิกธุรกิจสู่ดิจิตอล ถอดรหัส KBANK‘บล็อกเชน’จุดพลิกธุรกิจสู่ดิจิตอล[/caption]

“แอลจีบล็อกเชน” จึงเป็นการทำงานร่วมกันทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนภาคลูกค้าที่สามารถสร้างความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา บล็อกเชนจะช่วยทำให้ข้อมูล เป็นระบบสร้างความน่าเชื่อถือ สามารถติดตามความเคลื่อนไหว และประสิทธิภาพของการทำงานจะดีกว่ามาก ซึ่งเป็นหัวใจหลัก

“สมคิด จิรานันตรัตน์” รอง ประธาน เคบีทีจี กล่าวว่า สิ่งที่กสิกรไทยดำเนินการคือปรับวิธีการออกL/G มาอยู่ในบล็อกเชน ขณะเดียวกันสามารถกำหนดเงื่อนไขต่างๆ เช่นการจ่ายเงิน หรือแอลจีหมดอายุจะให้ทำอะไรโดยสามารถใช้บล็อกเชนกสิกรไทยผ่าน Origin Cert ซึ่งเป็นตัวเชื่อมและสามารถเห็น L/G ทั้งบล็อกเชนได้ ซึ่งสามารถนำสินค้าหรือบริการอีกมากมาอยู่ในบล็อกเชน

อาทิ กรมการปกครองนำข้อมูลบัตรประชาชนไว้ในบล็อกเชน ทำ ให้พิสูจน์ตัวบุคคลโดยไม่ต้องยื่นเอกสารใหม่ในการสมัครหรือรับบริการต่างๆ หรือกรมที่ดินนำโฉนด ที่ดินอยู่ในบล็อกเชนและข้อมูลเคลมประกันจะง่ายขึ้นหากโรงพยาบาลนำข้อมูลมาอยู่ในบล็อกเชน ขณะที่วอลมาร์ตนำบล็อกเชนมาใช้กับสัตว์หรือสินค้าเกษตร เหล่านี้จะ ทำให้รู้แหล่งผลิตและแหล่งสินค้า-บริการกระจายไปที่ไหนบ้าง กรณีเกิดโรคระบาดจะเห็นว่า บล็อกเชนสามารถติดตามความเคลื่อนไหวได้

สำหรับธีมของกสิกรไทยต้องการทำให้เป็น Official Paper Less Platform สอดคล้องกับ Digital Economy แต่การเข้าสู่สังคมไร้เงินสดนั้น ทั้งหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน นโยบายรัฐบาล ที่จะผลักดัน และทุกคนเห็นประ โยชน์รวมทั้งประเทศชาติ สังคมไร้เงินสดจะทำให้ประเทศไทยเป็นไทยแลนด์ 4.0 ได้อย่างแท้จริง

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,281 วันที่ 23 - 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2560