‘คันนา’ลุยดิวตี้ฟรี-ออนไลน์เพิ่มช่องทางขายจีน-เกาหลี ดันรายได้ต่างประเทศโต

15 ก.ค. 2560 | 10:00 น.
คันนา เดินหน้าลุยจับตลาดจีน-เกาหลี ดึงตัวแทนจำหน่ายเพิ่มช่องทางร้านดิวตี้ฟรีและออนไลน์ในจีน เพิ่มช่องทางโมเดิร์นเทรดในเกาหลีใต้ ขณะที่ตลาดในประเทศ ออกสินค้าใหม่จับลูกค้า พร้อมออกไซซ์ขนาดทดลอง หวังปิดยอดขาย 300 ล้าน

นางสาวณชา จึงกานต์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท คันนา โกรเซอรีส์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผลไม้แปรรูปแบรนด์ คันนา เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงแผนธุรกิจในครึ่งปีหลังว่า ได้เตรียมขยายการทำตลาดในประเทศจีน และเกาหลีใต้ โดยตัวแทนจำหน่ายจากประเทศจีนจะนำสินค้าไปจำหน่ายผ่านช่องทางร้านดิวตี้ฟรีประมาณ 10 แห่ง รวมถึงการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ส่วนในประเทศเกาหลีใต้ได้เตรียมนำสินค้าไปจำหน่ายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด ขณะเดียวกันยังได้รับการติดต่อจากนักธุรกิจในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง สนใจนำสินค้าไปจำหน่ายด้วย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มส่งสินค้าไปจำหน่ายได้ในปีหน้า

ขณะเดียวกันในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ บริษัทได้เตรียมจัดทริปท่องเที่ยวให้กับบล็อกเกอร์และผู้มีอิทธิพลในโลกออนไลน์จากประเทศจีนและเกาหลีใต้ประมาณ 10 คน ให้เข้ามาทดลองและรีวิวสินค้า เพื่อให้เกิดการสื่อสารผ่านช่องทางในออนไลน์ของประเทศจีนและเกาหลีใต้ ซึ่งคาดว่ายอดขายจากการส่งออกในปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นอีก5-10% โดยที่ผ่านมากลุ่มนักท่องเที่ยวหลักที่เข้ามาซื้อสินค้าในประเทศไทย ยังคงเป็นชาวจีนและเกาหลีใต้ ที่มียอดซื้อสินค้าตั้งแต่ 800-3,000 บาทต่อบิล สำหรับลูกค้าชาวจีน ส่วนชาวเกาหลีใต้ มียอดซื้อเฉลี่ย 2,500 บาทต่อบิล

[caption id="attachment_177933" align="aligncenter" width="503"] ณชา จึงกานต์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท คันนา โกรเซอรีส์ จำกัด ณชา จึงกานต์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท คันนา โกรเซอรีส์ จำกัด[/caption]

นางสาวณชา กล่าวอีกว่า ส่วนการทำตลาดในประเทศได้เพิ่มรายการสินค้าใหม่อีก 2 รายการ คือ บิสกิตแท่ง 3 รสชาติ ได้แก่ มะม่วงมะพร้าว และทุเรียน จำหน่ายในระดับราคากล่องละ 129 บาท ขนาด 120 กรัม และลูกอมรสผลไม้ 4 รสชาติ ได้แก่ มะพร้าว มะม่วง ทุเรียน และมังคุด จำหน่ายราคากล่องละ 109 บาท ขนาด 240 กรัม เพื่อทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มสินค้าขนาดทดลองจากสินค้าต่างๆ ที่วางจำหน่ายอยู่ก่อนแล้วไม่ตํ่ากว่า 28 รายการ และมีสินค้าตามฤดูกาลจำหน่ายเพิ่มด้วย

“สินค้าขนาดเล็กที่ออกมาใหม่ จะช่วยทำให้ลูกค้าเกิดการทดลองซื้อ และสามารถซื้อสินค้าได้หลากหลายชนิด และยังช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับในบางจุดจำหน่ายที่ไม่มีพนักงานแนะนำสินค้าด้วย ซึ่งสินค้าขนาดที่เล็กลงลูกค้าสามารถซื้อทดลองกินได้ และลูกค้าสามารถเลือกจัดเป็นเซตตามความต้องการได้ โดยบริษัทจะทำสินค้าให้มีราคาเท่ากันในทุกชนิด มีราคาไม่เกิน 30 บาท และราคาต่อกล่องหรือต่อเซตจะไม่เกิน 349 บาท ส่วนแผนขยายสาขาร้านที่เดิมวางเป้าหมายในปีนี้จะมีให้ครบ 10 แห่งนั้น ตอนนี้ได้ชะลอแผนไปปีหน้า เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจยังไม่เอื้ออำนวยมากนัก แต่อย่างน้อยในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมีการขยายสาขาเพิ่มอีก 2-3 แห่งแน่นอน โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาเลือกโลเกชัน”

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ยังมีอัตราการเติบโต 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าช่วงต้นปีจะมีปัญหาเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ ที่กระทบกับยอดขายบริษัทเนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักเป็นชาวจีน แต่บริษัทปรับการทำตลาดและสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง จึงยังรักษาระดับการเติบโตไว้ได้ ส่วนในช่วงครึ่งปีหลังเชื่อว่ายอดขายจะเติบโต และผลักดันให้ผลประกอบการปีนี้เป็นไปตามเป้าหมาย 30% หรือมียอดขาย 300 ล้านบาท

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,278 วันที่ 13 - 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2560