เมืองใหญ่จีนปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ยํ้าไม่ใช่แหล่งค่าจ้างถูกอีกต่อไป

16 ก.ค. 2560 | 01:56 น.
รัฐบาลจีนกำหนดให้สำนักงานทรัพยากรมนุษย์และประกันสังคมของแต่ละมณฑล ปรับปรุงค่าแรงขั้นตํ่าได้ตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในพื้นที่ในทุกช่วงครึ่งแรกของปี โดยในช่วงครึ่งแรกปี 2560 นี้ มีมหานครเซี่ยงไฮ้ เมืองเสินเจิ้น มณฑลซานตง ฝูเจี้ยนและส่านซี ที่ประกาศปรับขึ้นค่าแรงขั้นตํ่าแล้ว ขณะที่มณฑลและเมือง อื่นๆ ส่วนใหญ่ยังคงลังเลที่จะปรับค่าจ้างขั้นตํ่า สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของรัฐกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศกำลังอยู่ในช่วงชะลอตัว

ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในจีน ณ นครกวางโจว (www.thaibizchina.com) รายงานว่า ค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้นนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงไปที่ผู้ประกอบการ ซึ่งจำเป็นต้องพิจารณาปรับค่าจ้างมาตรฐาน รวมถึงประกันสังคมและสวัสดิการอื่นๆ ของพนักงานที่อาจจะเชื่อมโยงกับค่าจ้าง ทั้งนี้ นักลงทุนในอุตสาหกรรมที่จะต้องใช้แรงงานควรตรวจสอบกฎระเบียบการปรับค่าจ้างขั้นตํ่า เพื่อที่จะสามารถทำความเข้าใจแนวโน้มค่าจ้างที่อาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจในอนาคต โดยมณฑลและเมืองที่ปรับเปลี่ยนอัตราเงินเดือนขั้นตํ่าประจำปี 2560 นั้นได้แก่

มหานครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งยังคงรั้งอันดับ 1 ของเมืองที่มีค่าแรงสูงที่สุดในจีน โดยในปีนี้ ค่าแรงขั้นตํ่าเพิ่มขึ้น 5% จาก 2,190 หยวน/เดือนในปี 2559 เป็น 2,300 หยวน/เดือนในปีนี้ ขณะที่ค่าแรงขั้นตํ่าต่อชั่วโมงปรับเพิ่มขึ้นจาก 19 หยวน/ชั่วโมง เป็น 20 หยวน/ชั่วโมง อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าจำนวนค่าจ้างขั้นตํ่าจะเพิ่มขึ้น แต่ทว่าอัตราการขยายตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

[caption id="attachment_177673" align="aligncenter" width="503"] เมืองใหญ่จีนปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ยํ้าไม่ใช่แหล่งค่าจ้างถูกอีกต่อไป เมืองใหญ่จีนปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ยํ้าไม่ใช่แหล่งค่าจ้างถูกอีกต่อไป[/caption]

เมืองเสินเจิ้น ปรับค่าแรงขั้นตํ่าอีกครั้งหลังจากการปรับครั้งล่าสุดในปี 2548 การปรับครั้งนี้เพิ่มจากเดิม 2,030 หยวน/เดือน เป็น 2,130 หยวน/เดือน ขณะที่ค่าแรงขั้นตํ่าต่อชั่วโมงเพิ่มจาก 18.5 หยวน/ชั่วโมง เป็น 19.5 หยวน/ชั่วโมง รั้งอันดับ 2 เมืองที่มีค่าแรงสูงที่สุดของจีน

มณฑลซานตง แบ่งกลุ่มค่าแรงขั้นตํ่าออกเป็น 3 กลุ่มเมือง ได้แก่ กลุ่ม A จากเดิม 100 หยวน/เดือน เพิ่มเป็น 1,810 หยวน/เดือน กลุ่ม B จากเดิม 90 หยวน/เดือน เพิ่มเป็น 1,640 หยวน/เดือน และ กลุ่ม C จากเดิม 40 หยวน/เดือน เพิ่มเป็น 1,470 หยวน/เดือน

มณฑลฝูเจี้ยน ปรับค่าแรงขั้นตํ่าครั้งล่าสุดเมื่อปี 2558 ซึ่งนอกจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นตํ่าแล้ว มณฑลฝูเจี้ยนยังปรับกลุ่มเมืองใหม่ โดยในกลุ่ม B เหลือเพียงนครฝูโจว ขณะที่เมืองหนิงโป ฉวนโจวและจางโจวอยู่กลุ่ม C (ซึ่งก่อนหน้านี้อยู่กลุ่มเดียวกันหมด) นครฝูโจวเพิ่มค่าแรงขั้นตํ่าจาก 1,350 หยวน/เดือน เป็น 1,650 หยวน/เดือน ขณะที่เมืองในกลุ่ม C เพิ่มเป็น 1,650 หยวน/เดือน ซึ่งการปรับเปลี่ยนดังกล่าว เห็นได้ว่าสภาพเศรษฐกิจของนครฝูโจวมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

ส่วนมณฑลส่านซี แบ่งกลุ่มอัตราค่าแรงขั้นตํ่าเป็น 4 กลุ่ม โดยนครซีอานมีค่าแรงสูงสุดที่ 1,680 หยวน/เดือน และ 16.8 หยวน/ต่อชั่วโมง นับว่าเป็นอัตราสูงที่สุดในมณฑลส่านซี

ในปี 2559 สำนักงานทรัพยากรมนุษย์และประกันสังคมจีน (China’s Ministry of Human Resources and Social Security หรือ MOHRSS ได้ประกาศให้แต่ละมณฑลสามารถปรับปรุงค่าแรงขั้นตํ่าได้ตามความเหมาะสมของสภาพเศรษฐกิจในแต่ละพื้นที่ได้อย่างอิสระและมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยก่อนหน้านี้ MOHRSS อนุญาตให้แต่ละเมืองปรับค่าแรงขั้นตํ่าในทุก 2 ปี

การปรับค่าแรงขั้นตํ่าในจีนขึ้นอยู่กับปัจจัยมากมาย อาทิ การเติบโตทางเศรษฐกิจ ค่าแรงเฉลี่ย ค่าครองชีพและราคาที่อยู่อาศัย ซึ่งล้วนแล้วแต่นำมาเป็นปัจจัยหลักในการคำนวณค่าแรงขั้นตํ่าทั้งสิ้น การขึ้นค่าจ้างอย่างต่อเนื่องได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อต้นทุนของระบบอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงาน

ยกตัวอย่าง มณฑลกวางตุ้งเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเมืองที่เป็นโรงงานของโลกอย่างเมืองตงก่วน โรงงานมากมายทยอยปิดตัวลงเนื่องจากค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี รัฐบาลมณฑลกวางตุ้งได้ออกนโยบายด้านการลงทุน ที่สนับสนุนให้โรงงานที่ใช้แรงงานคนเป็นหลักย้ายเข้าไปสู่เมืองชั้นใน อาทิ เม่าหมิง หยุนฝู จ้าวชิ่ง และชิงหย่วน เป็นต้น เพื่อเป็นการลดแรงกดดันให้แก่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการผลิต และกระจายรายได้สู่เมืองชั้นในที่มีค่าแรงขั้นตํ่าน้อยกว่า

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,278 วันที่ 13 - 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2560