‘เทคฟาร์ม’เตรียมเปิดแอพ LENNAM ช่วยฟาร์มกุ้ง
“เทคฟาร์ม” เปิดช่องช่วยเกษตร-ฟาร์มเลี้ยงสัตว์นํ้า พัฒนา และตรวจสอบคุณภาพ นํ้า เตรียมเปิดตัวแอพลิเคชัน “LENNAM” ตอบโจทย์ฟาร์มกุ้ง ปลา รายย่อยปลายปีนี้
นายอานนท์ บุณยประเวศ กรรมการผู้จัดการบริษัท เทคฟาร์ม จำกัด เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงความคืบหน้าในการวิจัยและพัฒนาระบบไอทีเพื่อการเกษตร ในเรื่องของการตรวจสอบคุณภาพนํ้า โดยให้เกษตรกรใช้งานจากอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะภาคเกษตรและเจ้าของฟาร์มเลี้ยงสัตว์นํ้า ซึ่งขณะอยู่ในช่วงทดลองโดยมีเครือข่ายมากกว่า 10 รายทดสอบงานวิจัยและพัฒนานี้ก่อนนำออกสู่ตลาด โดยการพัฒนาระบบฮาร์ดแวร์ที่ทำการตรวจสอบคุณภาพนํ้านี้จะมีลักษณะคล้ายปากกา ไว้สำหรับตรวจคุณภาพนํ้า โดยใช้งานคู่กับแอพลิเคชัน “LENNAM” (เล่นนํ้า) โดยมีขั้นตอนการใช้งาน เริ่มจากการเปิดแอพลิเคชัน “LENNAM” แล้วเปิดอุปกรณ์ตรวจคุณภาพนํ้าที่ด้ามปากกา แล้วนำด้ามปากกาจุ่มลงไปในนํ้า
[caption id="attachment_177614" align="aligncenter" width="503"]
อานนท์ บุณยประเวศ กรรมการผู้จัดการบริษัท เทคฟาร์ม จำกัด[/caption]
ผลที่ออกมาจะเป็นการแสดงคุณภาพนํ้าผ่านมือถือโดยจะบอกค่าPH หรือค่ากรดด่างของนํ้า, ค่าอุณหภูมิ, ค่าออกซิเจนในนํ้า โดยตั้งเป้าว่าไม่เกิน 2 ปี เกษตรกรที่เพาะเสี้ยงสัตว์นํ้าในไทยจะได้ใช้แอพลิเคชันนี้พร้อมอุปกรณ์ตรวจคุณภาพนํ้า อย่างแพร่หลาย อีกทั้งเกษตรกรและกลุ่มฟาร์มกุ้งและปลาจะสามารถขายผลผลิตของตัวเองในราคาที่สูงขึ้น และมีคุณภาพดีขึ้น
บริษัทพร้อมเปิดตัวแอพ ลิเคชัน “LENNAM” ได้ภายในปลายปีนี้ โดยเกษตรกรจะสามารถตรวจคุณภาพนํ้าได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งลูกค้าสามารถขายผลผลิตของตัวเองผ่าน “LENNAM” ได้ โดยมีราคาขายตั้งแต่ 1-5 หมื่นบาทต่อด้าม โดยราคาจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่ที่คุณสมบัติของปากกาตรวจสอบคุณภาพนํ้า ถ้าเลือกใช้เฉพาะวัดค่าPH และค่าอุณหภูมิ ราคาจะอยู่ที่ 1 หมื่นบาทต่อด้าม แต่ถ้าเพิ่มการตรวจสอบออกซิเจนในนํ้า ตรวจความเค็มในนํ้า หรือดูค่าแอมโมเนียราคาก็จะสูงขึ้นไปอีก เปรียบเทียบกับสินค้าประเภทเดียวกันนำเข้ามีราคาสูงตั้งแต่ 2-3 แสนบาท และส่วนใหญ่นิยมใช้ในฟาร์มขนาดใหญ่ ส่วนฟาร์มกุ้งและปลา ส่วนใหญ่จะเป็นขนาดเล็ก และขนาดกลาง มีจำนวนมากต้องการตรวจสอบคุณภาพนํ้าที่ใช้งบจำกัด
[caption id="attachment_177615" align="aligncenter" width="503"]
‘เทคฟาร์ม’เตรียมเปิดแอพ LENNAMช่วยฟาร์มกุ้ง[/caption]
กรรมการผู้จัดการบริษัท เทคฟาร์ม จำกัด กล่าวอีกว่า บริษัทเป็นกิจการเพื่อสังคมเพื่อพัฒนาการเกษตร และการพัฒนาคุณภาพนํ้าก็เป็นวิธีการลดความเสี่ยงในการเลี้ยงกุ้ง ปลา แต่กระบวนการตรวจสอบคุณภาพ นํ้าในปัจจุบันยังไม่จูงใจ ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญ และมากกว่า 80% ของเกษตรกร ก็เคยประสบปัญหา กุ้ง ปลาตายทั้งบ่อมาแล้ว เพราะคุณภาพนํ้าเปลี่ยนแปลงในช่วงกลางคืน หรือกรณีที่ฝนตก ฝนเป็นกรด พอตกลงบ่อเสี้ยงกุ้งคุณภาพนํ้าก็เปลี่ยนไป หรือถ้ามีกุ้งตายในบ่อ ก็จะมีค่าแอมโมเนียที่สูงขึ้น ในขณะที่ปริมาณอาหารที่ให้กุ้ง หรือปลา ก็มีส่วนที่ทำให้เกิดแอมโมเนีย
“ปัญหาเหล่านี้คือสาเหตุที่ทำให้เกษตรกรเลี้ยงกุ้งและปลาน้อยลง จะเห็นว่าในอดีตไทยเคยส่งออกกุ้งได้เป็นอันดับ1ของโลก ล่าสุดลดลงมาอยู่อันดับ 4 จึงนำความรู้ทางด้านไอทีมาแก้ปัญหาดังกล่าวให้เกษตรกร”
สุดท้ายสิ่งที่อยากจะฝากให้รัฐบาลช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ตอัพและเอสเอ็มอีที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีเชิงลึกให้มากขึ้น เพราะจะต้องมีระบบฮาร์ดแวร์และมีเรื่องงานวิจัยเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งจะต้องอาศัยเวลาในการทำวิจัยและใช้เงินทุนในการพัฒนาที่สูง ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีและงานวิจัยทางการเกษตรในประเทศมีคุณภาพสูงมาก
แต่ปัจจุบันยังไม่ได้ถูกดึงออกมาใช้อย่างแพร่หลาย บริษัท เทคฟาร์ม จำกัด อยากเป็นส่วนหนึ่งในการนำองค์ความรู้ที่มีออกมาเผยแพร่เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ มีส่วนร่วมในการส่งเสริมสนับสนุนสินค้าออกสู่ตลาดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ ไทยสนใจ มองเห็นมูลค่าของการพัฒนาดังกล่าวที่สามารถต่อยอดได้ และเป็นการช่วยเหลือภาคเกษตรและปศุสัตว์ได้โดยตรง
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,278 วันที่ 13 - 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2560
นายอานนท์ บุณยประเวศ กรรมการผู้จัดการบริษัท เทคฟาร์ม จำกัด เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงความคืบหน้าในการวิจัยและพัฒนาระบบไอทีเพื่อการเกษตร ในเรื่องของการตรวจสอบคุณภาพนํ้า โดยให้เกษตรกรใช้งานจากอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะภาคเกษตรและเจ้าของฟาร์มเลี้ยงสัตว์นํ้า ซึ่งขณะอยู่ในช่วงทดลองโดยมีเครือข่ายมากกว่า 10 รายทดสอบงานวิจัยและพัฒนานี้ก่อนนำออกสู่ตลาด โดยการพัฒนาระบบฮาร์ดแวร์ที่ทำการตรวจสอบคุณภาพนํ้านี้จะมีลักษณะคล้ายปากกา ไว้สำหรับตรวจคุณภาพนํ้า โดยใช้งานคู่กับแอพลิเคชัน “LENNAM” (เล่นนํ้า) โดยมีขั้นตอนการใช้งาน เริ่มจากการเปิดแอพลิเคชัน “LENNAM” แล้วเปิดอุปกรณ์ตรวจคุณภาพนํ้าที่ด้ามปากกา แล้วนำด้ามปากกาจุ่มลงไปในนํ้า
[caption id="attachment_177614" align="aligncenter" width="503"]
ผลที่ออกมาจะเป็นการแสดงคุณภาพนํ้าผ่านมือถือโดยจะบอกค่าPH หรือค่ากรดด่างของนํ้า, ค่าอุณหภูมิ, ค่าออกซิเจนในนํ้า โดยตั้งเป้าว่าไม่เกิน 2 ปี เกษตรกรที่เพาะเสี้ยงสัตว์นํ้าในไทยจะได้ใช้แอพลิเคชันนี้พร้อมอุปกรณ์ตรวจคุณภาพนํ้า อย่างแพร่หลาย อีกทั้งเกษตรกรและกลุ่มฟาร์มกุ้งและปลาจะสามารถขายผลผลิตของตัวเองในราคาที่สูงขึ้น และมีคุณภาพดีขึ้น
บริษัทพร้อมเปิดตัวแอพ ลิเคชัน “LENNAM” ได้ภายในปลายปีนี้ โดยเกษตรกรจะสามารถตรวจคุณภาพนํ้าได้ด้วยตัวเอง อีกทั้งลูกค้าสามารถขายผลผลิตของตัวเองผ่าน “LENNAM” ได้ โดยมีราคาขายตั้งแต่ 1-5 หมื่นบาทต่อด้าม โดยราคาจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่ที่คุณสมบัติของปากกาตรวจสอบคุณภาพนํ้า ถ้าเลือกใช้เฉพาะวัดค่าPH และค่าอุณหภูมิ ราคาจะอยู่ที่ 1 หมื่นบาทต่อด้าม แต่ถ้าเพิ่มการตรวจสอบออกซิเจนในนํ้า ตรวจความเค็มในนํ้า หรือดูค่าแอมโมเนียราคาก็จะสูงขึ้นไปอีก เปรียบเทียบกับสินค้าประเภทเดียวกันนำเข้ามีราคาสูงตั้งแต่ 2-3 แสนบาท และส่วนใหญ่นิยมใช้ในฟาร์มขนาดใหญ่ ส่วนฟาร์มกุ้งและปลา ส่วนใหญ่จะเป็นขนาดเล็ก และขนาดกลาง มีจำนวนมากต้องการตรวจสอบคุณภาพนํ้าที่ใช้งบจำกัด
[caption id="attachment_177615" align="aligncenter" width="503"]
กรรมการผู้จัดการบริษัท เทคฟาร์ม จำกัด กล่าวอีกว่า บริษัทเป็นกิจการเพื่อสังคมเพื่อพัฒนาการเกษตร และการพัฒนาคุณภาพนํ้าก็เป็นวิธีการลดความเสี่ยงในการเลี้ยงกุ้ง ปลา แต่กระบวนการตรวจสอบคุณภาพ นํ้าในปัจจุบันยังไม่จูงใจ ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญ และมากกว่า 80% ของเกษตรกร ก็เคยประสบปัญหา กุ้ง ปลาตายทั้งบ่อมาแล้ว เพราะคุณภาพนํ้าเปลี่ยนแปลงในช่วงกลางคืน หรือกรณีที่ฝนตก ฝนเป็นกรด พอตกลงบ่อเสี้ยงกุ้งคุณภาพนํ้าก็เปลี่ยนไป หรือถ้ามีกุ้งตายในบ่อ ก็จะมีค่าแอมโมเนียที่สูงขึ้น ในขณะที่ปริมาณอาหารที่ให้กุ้ง หรือปลา ก็มีส่วนที่ทำให้เกิดแอมโมเนีย
“ปัญหาเหล่านี้คือสาเหตุที่ทำให้เกษตรกรเลี้ยงกุ้งและปลาน้อยลง จะเห็นว่าในอดีตไทยเคยส่งออกกุ้งได้เป็นอันดับ1ของโลก ล่าสุดลดลงมาอยู่อันดับ 4 จึงนำความรู้ทางด้านไอทีมาแก้ปัญหาดังกล่าวให้เกษตรกร”
สุดท้ายสิ่งที่อยากจะฝากให้รัฐบาลช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ตอัพและเอสเอ็มอีที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีเชิงลึกให้มากขึ้น เพราะจะต้องมีระบบฮาร์ดแวร์และมีเรื่องงานวิจัยเข้ามามีส่วนร่วม ซึ่งจะต้องอาศัยเวลาในการทำวิจัยและใช้เงินทุนในการพัฒนาที่สูง ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีและงานวิจัยทางการเกษตรในประเทศมีคุณภาพสูงมาก
แต่ปัจจุบันยังไม่ได้ถูกดึงออกมาใช้อย่างแพร่หลาย บริษัท เทคฟาร์ม จำกัด อยากเป็นส่วนหนึ่งในการนำองค์ความรู้ที่มีออกมาเผยแพร่เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศ มีส่วนร่วมในการส่งเสริมสนับสนุนสินค้าออกสู่ตลาดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ ไทยสนใจ มองเห็นมูลค่าของการพัฒนาดังกล่าวที่สามารถต่อยอดได้ และเป็นการช่วยเหลือภาคเกษตรและปศุสัตว์ได้โดยตรง
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,278 วันที่ 13 - 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2560