ฟ้องแพ่งร.พ.กรุงเทพ-พญาไท2 สคบ.ยื่นบังคับยึดตามสัญญาเดิมคุ้มครองสมาชิก

10 ก.ค. 2560 | 02:48 น.
สคบ.แจงผลงานรอบครึ่งปี มีมติยื่นฟ้องคดีแพ่ง 3 ผู้ประกอบการรายใหญ่ โรงพยาบาลพญาไท2 กรุงเทพดุสิตเวชการ และทรู ฟิตเนสหลังเอาเปรียบผ้บู ริโภค ขณะที่ไตรมาส 3 ของปีงบประมาณมีผู้มาร้องเรียน 2,417 รายสคบ.ช่วยเจรจาได้ข้อยุติมูลค่ากว่า 13 ล้านบาท

พล.ต.ต.ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาว่า คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้พิจารณาคดี กรณีผู้เสียหายจากการทำสัญญาเพื่อใช้บริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลพญาไท 2 ในโครงการ Phyathai Ultimate Trust Card (Elite/Prime) ที่ได้ทำไว้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 โดยได้ชำระค่าสมาชิกในราคาร 1.5-2 ล้านบาท ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ทำการบอกเลิกสัญญา โดยอ้างว่าเป็นการเข้าข่ายสัญญาประกันภัย ซึ่งทางคณะกรรมการมีมติเห็นว่าให้ดำเนินคดีแพ่งแก่บริษัท โรงพยาบาลพญาไท 2 จำกัด เพื่อให้ปฎิบัติตามสัญญาเดิม พร้อมทั้งบับคับให้ชำระค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ในช่วงที่ทางโรงพยาบาลไม่ดำเนินการรักษาพยาบาลให้

เช่นเดียวกันกับกรณีการทำสัญญาเพื่อใช้บริการทางการแพทย์กับ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารโรงพยาบาลกรุงเทพหรือ บีดีเอ็มเอส ที่คณะกรรมการมีมติให้ดำเนินคดีแพ่งแก่บริษัท กรุงเทพฯ เช่นกัน เพื่อให้ปฎิบัติตามสัญญาเช่นเดิม พร้อมทั้งบังคับให้บริษัทชำระค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งผู้เสียหายได้เริ่มทำสัญญากับโรงพยาบาลกรุงเทพตั้งแต่ปี 2544 ภายใต้โครงการไลฟ์พริวิเลจคลับ ที่ระบุว่าเป็นสัญญาแบบตลอดชีพ จากการชำระค่าแรกเข้าเพื่อใช้บริการเป็นทองคำหนัก 200 บาท ซึ่งการเข้าใช้บริการครั้งต่อไปจะชำระเพียง 100 บาทเท่านั้น โดยทางโรงพยาบาลกรุงเทพได้อ้างว่าสัญญาที่ทำขึ้นเข้าข่ายสัญญาประกันภัยเช่นกัน

"กรณีโรงพยาบาลพญาไท 2 ทางโรงพยาบาลยินดีจะคืนเงินค่าสมาชิกให้ พร้อมอัตราดอกเบี้ย ซึ่งมีผู้เสียหายจำนวน 4 รายที่ยอมรับเงื่อนไข แต่สมาชิกอื่นๆ ต้องการที่จะเป็นสมาชิกเพื่อใช้บริการต่อไป ส่วนกรณีโรงพยาบาลกรุงเทพนั้น ทางโรงพยาบาลต้องการยกเลิกสัญญา ส่วนผู้เสียหายต้องการที่จะยังคงมีสมาชิกภาพและใช้บริการต่อไป โดยความคืบหน้าขณะนี้อยู่ระหว่างการรวมรวมหลักฐาน เพื่อให้ส่งมอบให้กับอัยการดำเนินการฟ้องร้องต่อไป ส่วนกรณีการปิดกิจการของทรูฟิตเนสและทรูสปา คณะนี้กรรมการคุ้มครองผู้บริโภค พิจารณาแล้วมีมติให้ดำเนินคดีแพ่งกับบริษัท ทรู ฟิตเนส จำกัด บริษัท ทรู สปา จำกัด และกรรมการบริษท ได้แก่ นายแพทริค จอห์นวีอวี้เซง นายอดิศักดิ์ นฤเปรมปรีดิ์ นายภานุวัฒน์ แพรัตกุล นางสาวศศิธร มูลใจทราย เพื่อบังคับให้คืนเงินแก่ผู้เสียหาย พร้อมดอกเบี้ยตามกฎหมาย"

[caption id="attachment_176426" align="aligncenter" width="363"] ฟ้องแพ่งร.พ.กรุงเทพ-พญาไท2 สคบ.ยื่นบังคับยึดตามสัญญาเดิมคุ้มครองสมาชิก ฟ้องแพ่งร.พ.กรุงเทพ-พญาไท2 สคบ.ยื่นบังคับยึดตามสัญญาเดิมคุ้มครองสมาชิก[/caption]

นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา สคบ.ยังได้ดำเนินการปราบปรามสินค้าที่มีคำสั่งห้ามขาย ห้ามให้บริการ ได้แก่ บารากู่และบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งสามารถจับกุมผู้ลักลอบขายและให้บริการ จำนวน 48 แห่ง ประกอบด้วย ร้านให้บริการสินค้าบารากู่ 28 แห่ง ร้านขายบารากู่หรือบุหรี่ไฟฟ้า 20 แห่ง โดยสามารถตรวจยึดเตาบารากู่ได้ 518 เตา สายดูด 489 สาย ตัวยาและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง 449 ชิ้น และตรวจยึดบุหรีไฟฟ้าได้ 540 อัน น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 5,777 ขวด อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง 561 ชิ้น รวมมูลค่าของกลางกว่า 4 ล้านบาท

ส่วนผลการดำเนินรับเรื่องร้องทุกข์จากผู้บริโภคในช่วงไตรมาส 3 ปีงบประมาณ 2560 ช่วงเดือนเมายนถึงมิถุนายน มีเรื่องร้องทุกใน 3 ประเภทหลัก จำนวน 2,417 เรื่อง ได้แก่ ประเภทสินค้าอุปโภคและบริโภค จำนวน 617 เรื่อง ประเภทบริการจำนวน 974 เรื่อง ประเภทอสังหาริมทรัพย์และที่อยู่อาศัย 826 เรื่อง ขณะที่การแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภค สคบ.สามารถดำเนินการเจรจาไกล่เกลี่ยได้ข้อยุติ รวม 225 ราย คิดเป็นเงินกว่า 13.13 ล้านบาท แบ่งเป็นด้านโฆษณา 16 ราย มูลค่า 1.83 แสนบาท ด้านฉลาก 13 ราย มูลค่า 4.68 หมื่นบาท และด้านสัญญา จำนวน 192 ราย มูลค่า 12.9 ล้านบาท
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,277 วันที่ 9 - 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2560