คอนโดแนวรถไฟฟ้าล้น สิ้นมิ.ย.เหลือกว่า 2 หมื่นยูนิต-เล็งทำเลเส้นใหม่คึกคัก

11 ก.ค. 2560 | 09:23 น.
คอลลิเออร์ส วิเคราะห์ตลาดคอนโดฯแนวรถ ไฟฟ้าปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมามีสินค้าเหลือขายไม่น้อยกว่า 2 หมื่นหน่วย โครงการในเส้นทางปัจจุบันมีเปอร์เซ็นต์การขายสูงสุดเฉียด 80% “อนันดา” เป็นผู้ประกอบการที่จำนวนโครงการและหน่วยขายนำโด่งอันดับ 1

ปัจจุบันไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเส้นทางรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ตลาดคอนโดมิเนียมขยายตัวอย่างมากมาย โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟฟ้าหรือรถไฟใต้ดินที่เปิดให้บริการแล้วย่อมเป็นที่สนใจของทั้งผู้ประกอบการและผู้ซื้อเป็นเรื่องธรรมดา

ฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย สำรวจจำนวนคอนโดมิเนียมที่ยังเปิดการขายอยู่ ณ ช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2560 มีคอนโดมิเนียมเหลือขายอยู่ในตลาดไม่น้อยกว่า 20,200 ยูนิต แม้อัตราการขายอาจจะสูงถึง 79% ก็ตาม แต่ด้วยจำนวนโครงการที่เปิดขายในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้มีหลายร้อยโครงการ จำนวนยูนิตมากกว่า 300,000 ยูนิต

“ยูนิตที่เหลือขายในปัจจุบันอาจจะไม่ได้มากอะไร ถ้าราคาขายไม่ได้สูงเกินไป แต่ต้องไม่ลืมว่ากรุงเทพมหานครยังมีเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างรวมไปถึงที่กำลังจะสร้างอีกหลายเส้นทางในอนาคต” นายสุรเชษฐ กองชีพ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์สกล่าว

นอกจากพื้นที่ตามแนวเส้นทางที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน เส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างเป็นอีกทำเลที่ผู้ประกอบการและผู้ซื้อให้ความสนใจ เพราะว่าโครงการเส้นทางรถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างนั้นสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการรวมไปถึงผู้ซื้อได้ระดับหนึ่งแล้วว่าโครงการเส้นทางรถไฟฟ้านั้นๆ สร้างเสร็จแน่นอนเพราะการก่อสร้างเดินหน้าไปแล้วนั่นเอง อีกทั้งราคาขายของคอนโดมิเนียมก็สูงขึ้นต่อเนื่องตามราคาที่ดินที่เพิ่มขึ้นซึ่งผันแปรกับความคืบหน้าในการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้า

MP33-3277-A ดังนั้นพื้นที่นี้เป็นทำเลที่มีคอนโดมิเนียมเหลือขายมากเป็นลำดับที่ 2 คือประมาณ 8,760 ยูนิต อัตราการขายในพื้นที่นี้อยู่ที่ประมาณ 76% พื้นที่ที่ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการค่อนข้างมาก คือ พื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวตอนเหนือ และสายสีน้ำเงินมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายต่อเนื่อง และมีอีกหลายโครงการที่มีแผนจะเปิดขายโครงการใหม่ในอนาคต

ส่วนพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่ยังไม่เริ่มการก่อสร้างแต่มีการอนุมัติและมีแผนจะเริ่มการก่อสร้างภายในปีนี้ คือ สายสีส้ม สีเหลือง และสีชมพู ซึ่งบางพื้นที่ของทั้ง 3 เส้นทางเป็นทำเลที่มีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมาก่อนหน้านี้แล้วจำนวนหนึ่งทำให้จำนวนคอนโดมิเนียมรวม และเหลือขายค่อนข้างมาก คือมีคอนโดมิเนียมเหลือขายประมาณ 4,920 ยูนิตอัตราการขายในพื้นที่อยู่ที่ประมาณ 80% โดยทำเลที่มีคอนโดมิเนียมเปิดขายมากที่สุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมาในพื้นที่นี้คือ พื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงตั้งแต่สถานีศูนย์วัฒนธรรมไปจนถึงช่วงต้นของถนนรามคำแหงซึ่งมีโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายมาต่อเนื่องในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนพื้นที่ตามแนวเส้นทางสายสีชมพูและเหลืองอาจจะมีโครงการคอนโดมิเนียมเพียงแค่บางทำเลเท่านั้น

นายสุรเชษฐ กล่าวเสริมว่า ผู้ประกอบการที่มีจำนวนโครงการและยูนิตเปิดขายสูงสุด 5 อันดับแรก ในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้วนั้น บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) มีจำนวนโครงการและจำนวนหน่วยเปิดขายมากที่สุดเป็นอันดับ 1 คือ 20 โครงการ รวม 16,130 หน่วย อีก 4 บริษัทก็มี บริษัท เอพี(ไทยแลนด์) จำกัด(มหาชน), บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน), บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน) และบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) ตามลำดับ

ทั้งนี้ 5 บริษัทที่กล่าวมามีจำนวนหน่วยเปิดขายรวมกันประมาณ 37,705 หน่วยจากทั้งหมด 64 โครงการ ผู้ประกอบการบางรายอาจจะมีจำนวนโครงการที่ไม่ได้น้อยไปกว่าอันดับที่ 4 – 5 แต่ว่าเป็นโครงการขนาดไม่ใหญ่ทำให้จำนวนยูนิตอาจจะแตกต่างกันเยอะ และถ้านับรวมเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายหรือเส้นทางใหม่ที่กำลังก่อสร้างอยู่ ก็อาจจะมีผู้ประกอบการรายอื่นๆ เข้ามาใน 5 อันดับแรก เพราะบางรายเปิดขายโครงการใหม่ต่อเนื่องในพื้นที่ดังกล่าวในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมาและมีแผนเปิดขายโครงการใหม่ในพื้นที่อื่นๆ เช่นกันและบางรายอาจจะเปิดขายโครงการมากขึ้นในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมานี่เอง
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,277 วันที่ 9 - 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2560