ฐานโซไซตี : “ทอท.” อุ้ม “คิงเพาเวอร์” ลุ้นจบที่ “ศาลคดีทุจริต”

ฐานโซไซตี

โดย - ว.เชิงดอย

“ทอท.” อุ้ม “คิงเพาเวอร์” ลุ้นจบที่“ศาลคดีทุจริต”

ใครเอาเปรียบรัฐ เอาเปรียบประชาชน “ว.เชิงดอย” จะกระชากมาตีแผ่ให้สังคมได้รับรู้รับทราบ ชนิด “กัดไม่ปล่อย”เลยทีเดียว

ในที่สุดเรื่องที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ปล่อยปละละเลย ไม่จัดการแก้ไขปัญหาที่ทำสัญญาเอื้อให้กับ“กลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ฯ”จนก่อให้เกิดความเสียหายกับรัฐมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท จากการขายสินค้าดิวตี้ฟรี ก็ถูกตั้งเรื่องทยอยเป็นคดีขึ้นสู่ “ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง” โดย ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ประพฤติมิชอบ ในคณะกรรมาธิการวิสามัญป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ได้ใช้สิทธิฟ้องคดีในฐานะที่เป็น “ผู้ถือหุ้นรายย่อย” ที่ได้รับความเสียหายจากการดำเนินการของ ทอท.

ชาญชัยฟ้องมุ่งเป้าที่อดีตคณะกรรมการบริหาร หรือ “บอร์ด ทอท.” ทั้งอดีตและปัจจุบันมากกว่า60 คนในยุคที่ทำสัญญากับเอกชนและที่เปิดช่องให้มีการขยายสัญญาสัมปทานออกไปอีกเข้าข่ายความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

KING-POWER-DUTY-FREE-SHOPS---PHUKET-AIRPORT-201611281154433

เรื่องนี้เป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่ไปเอื้อประโยชน์ต่างกรรมต่างวาระเป็นระยะเวลายาวนานถึง10 ปี หากฟ้องเพียงคำฟ้องเดียวศาล จะใช้เวลาสืบพยานหลายปี เบื้องต้นจึงจะแบ่งประเด็นการฟ้องออกเป็น 5 ประเด็น หรือไม่น้อยกว่า 5 คำฟ้อง คือ 1.กรณีก่อนการเป็นสัญญา กระบวนการไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผิดพ.ร.บ.ร่วมทุนปี 2535 มีการใช้ข้อความเท็จไปยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งและไม่ดำเนินการตามกฎหมายพ.ร.บ.ร่วมทุนฯปี 2535 2.กรณีบริหารสัญญาก่อให้เกิดความเสียหายในเรื่องของการใช้อำนาจไม่ชอบไปอนุมัติให้ไม่เป็นไปตามสัญญา ทำให้รัฐเสียหายไปหลายหมื่นล้านบาท 3.กรณีเปิดพื้นที่ให้จุดส่งมอบเป็นที่สาธารณะกับเอกชน

ซึ่งในสัญญาไม่ได้ระบุไว้ให้บริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิฯ ซึ่งทำหน้าที่เชิงพาณิชย์เป็นผู้ดำเนินการ ต้องเป็นหน้าที่ของทอท. แต่กลับอ้างว่า เป็นการให้สัมปทานกับบริษัทเอกชนส่งผลให้บริษัทเอกชนมีอำนาจเหนือรัฐ 4.กรณีความเสียหายที่เกิดจากการต่อสัญญาโดยลดรายได้ให้กับเอกชน จากการอ้างถึงความเสียหายที่เกิดจากการปิดสนามบินของกลุ่มพันธมิตรฯและ5.กรณีการต่ออายุและลดรายได้ของ ทอท.ลง ส่งผลให้รัฐเกิดความเสียหายมูลค่ากว่า 1.8 หมื่นล้านบาท

“การยื่นฟ้องครั้งนี้ เพื่อให้ศาลฯ ได้พิจารณาคดีลงโทษ ระงับ ยับยั้งความเสียหายของประเทศชาติและผู้ถือหุ้นรายย่อยจำนวนมาก ซึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการร่วมมือกันประพฤติมิชอบ” ชาญชัย ระบุ พร้อมกับเตรียมนำคำฟ้องทั้งหมดส่งให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. เพื่อประกอบการใช้อำนาจฝ่ายบริหารดำเนินการกับผู้กระทำผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายกับประเทศชาติจำนวนหลายหมื่นล้านบาท

รายละเอียดการก่อให้เกิดความเสียหายกับรัฐเกิดขึ้นอย่างไร ใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง และเอกชนได้ประโยชน์ที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายอย่างไร ทั้งหมดจะปรากฏในคำฟ้องที่จะแจกแจงให้ศาลเห็นว่าความเสียหายกับรัฐอย่างรุนแรงเกิดขึ้นตรงไหน อย่างไร ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ “สาธารณชน” ที่ติดตามเรื่องนี้ก็น่าจะรับทราบกันดีอยู่บ้างแล้ว เพราะ “ฐานเศรษฐกิจ” ก็ได้นำเสนอตีแผ่เรื่องนี้ทั้งในรูปแบบข่าว และคอลัมน์ต่างๆ มาแล้วอย่างต่อเนื่อง

การจะบอกเลิกสัญญา ทำอย่างไรก็ต้องไปดูให้ดี เพราะที่ผ่านมาไม่ได้ทำในสมัยรัฐบาลนี้ เมื่อถึงรัฐบาลนี้บอกว่าจะยกเลิกสัญญาก็ต้องไปดูว่าทำได้หรือไม่ ว่ากันตามกลไกทางกฎหมายไม่ใช่ว่าจะเข้าข้างใคร” คำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ตอบคำถามนักข่าวเมื่อถูกถามถึงข้อเสนอ สปท. ที่เสนอให้รัฐบาลยกเลิกสัญญาเช่าพื้นที่ให้บริการสินค้าปลอดอากรในท่าอากาศยานของกลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ฯ...ถึงตรงนี้อยากบอกให้ “นายกฯ” รอดูพฤติการณ์การทำผิดกฎหมาย และผลการตัดสินของศาลคดีทุจริตฯ ถึงเวลานั้นอะไร ๆ ที่ถูกเปิดโปงกลางศาล และมีคำตัดสินออกมา ขอให้ท่านนำไปพิจารณาและกล้าตัดสินใจโดยไม่เกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆด้วยเถิด...