แรงงานต่างด้าว (อีก) โจทย์ใหญ่ของ ‘คสช.’

02 ก.ค. 2560 | 00:25 น.
TP14-3275-AA เพราะการเมืองไม่มี "สูตรสำเร็จ"....เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโจทย์ "การเมือง" เปลี่ยนไป สถานการณ์วันนี้ จึงพยากรณ์หรือคาดเดาเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง ไม่นับรวมปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่รุมเร้า "รัฐบาล-และคสช." อยู่ในตอนนี้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่า "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ จะดิ้นหลุดออกจาก "วังวน" ปัญหาต่างๆ ได้อย่างไร?
ที่สำคัญคือ ขณะกำลังนัวเนีย-พัวพันอยู่กับการแก้ปัญหาหนึ่งก็เกิดอีกปัญหาซ้ำซ้อนขึ้นมาเป็น "โจทย์ใหญ่" ให้รัฐบาล-รสช.ออกแรงแก้ไขอยู่เรื่อยๆ แบบไม่รู้จบรู้สิ้น!!!!

วันดี-คืนดี ก็มี "ลับ-ลวง-พราง" เกิดขึ้นในหมู่พี่น้องบูรพาพยัฆย์ซ่ะงั้น....รวมทั้งยังมีกระแสข่าวความเคลื่อนไหวจัดตัง "พรรคทหาร" ที่คาดว่า "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีกลาโหม จะมาเป็นแกนหลักของพรรคการเมืองดังกล่าว เนื่องจากเป็น "พี่ใหญ่" ที่มีทั้งอำนาจและมีบารมีมากที่สุด และเมื่อมีนักข่าวไปถามก็ได้รับการปฏิเสธว่า เป็นเพียงแค่ "ข่าวลือ" ”… !?!?

แต่ถ้ามองอย่างนักวิเคราะห์การเมืองก็มองได้ 2 ด้าน คือ "บิ๊กป้อม" อาจจะวางมือจากการเมืองจริงๆ ก็ได้ เพราะอายุมากและอายุก็ 73 ปีแล้ว นอกจากนั้นยังมีอาการเจ็บป่วยเข้ามารังควาน จนเกิดข่าวลือว่าจะถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรีมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่อีกด้านก็อาจมองว่า เป็น "ลับ-ลวง-พราง" เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามตายใจและไม่สนใจการเคลื่อนไหวต่างๆ ก็ได้-ใครจะรู้

เพราะเมื่อว่าไปตามจริง แม้ "บิ๊กป้อม" จะเป็นทหารที่มากบารมีที่สุดใน "รัฐบาล-และคสช." แต่ก็ถูกสังคมมองว่าเป็นบิ๊กทหารที่มีภาพลักษณ์ในด้านลบมากที่สุดด้วย ล่าสุด ข่าวอื้อฉาวเรื่องการซื้อ-ขายตำแหน่งในฤดูการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีคนใกล้ชิดเขาคนหนึ่งเข้าไปมีบทบาทในการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญ....

รวมทั้งยังมีการวิพากษ์วิจารณ์เชื่อมโยงไปถึงน้องชาย คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่าเป็น ผบ.ตร.ตัวจริงด้วย และก่อนหน้านี้ก็มีเสียงติฉินนินทาในเรื่องการเชื่อมโยงกับเรื่องบ่อนชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งแม้จะออกมาปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง แต่ทุกๆ เรื่องไม่ดีทั้งหลายก็มาลงที่ "บื๊กป้อม" อย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น
เช่นเดียวกับ “โรดแมป” ที่พล.อ.ประยุทธ์ตั้งเป็น “ตุ๊กตา” ไว้ประเทศไทยก็จะได้เลือกตั้งกันอย่างแน่นอน แต่หน้าตารัฐบาลจะเป็นอย่างไร? พรรคทหารจะเกิดได้หรือไม่? อีกปีกว่า ๆ ก็คงจะได้รู้กัน

พักเรื่องใหญ่ๆ เรื่องอื่น?ไว้แค่นี้ มาว่ากันที่เรื่องล่าสุดที่กำลังเป็นประเด็นร้อนและอาจเป็นปัญหา “นํ้าผึ้งหยดเดียว” เมื่อไหร่?ก็ได้ นั่นก็คือพระราชกำหนดการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2560 ที่มีการแชร์กันสนั่นในโซเชียลมีเดียตอนนี้…

Laber-1 ถ้า “รัฐบาล-คสช.” ไม่มีมาตรการรองรับ หรือกระทั่งวิธีเยียวยาให้ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบโดยตรงแล้ว ก็จะเป็น “โจทย์ใหญ่” อีกเรื่องที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์จะต้องรับมือแก้ปัญหา โดยไม่ปล่อยให้เจ้าหน้าที่รัฐเดินหน้าปฏิบัติตามพระราชกำหนดฯ อย่างเข้มข้นเหมือนหลายๆเรื่องที่ผ่านมา

จึงต้องออกมาเตือนก่อนที่สถานการณ์ต่างๆ จะเปลี่ยนไปจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ (อีกเรื่อง) ที่รุมเร้า “รัฐบาล-คสช.” ดังนี้

1.ตรวจสอบดูว่าคนงานเมียนมา กัมพูชา หรือลาวที่ทำงานอยู่ที่บ้านเรา หรือที่เราพาไปช่วยทำงานที่บ้านพ่อ-แม่ หรือแนะนำให้ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงจ้างนั้น เราให้ทำงานประเภทงานห้าม 39 อาชีพเดิมที่กรมการจัดหางานห้ามหรือไม่?ถ้าให้ทำต้องรีบหยุดทันทีนะครับ หรือถ้ารับคนงานเข้ามาทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานก็ต้องให้รีบหยุดทันทีเช่นกัน
เพราะถ้าพบต้องถูกปรับตั้งแต่ 4-8 แสนบาทต่อคนงาน 1 คน(ขอยํ้าว่า “ตั้งแต่” ไม่ใช่ “ไม่เกิน” ราคาผิดกันเยอะครับ)

2.หากคนงานที่บ้านงอนลาออกไปแล้วมีนายหน้าพาคนงานใหม่มาให้ก็ต้องทำใบอนุญาตทำงานให้ถูกต้องก่อน เพราะแม้มีใบอนุญาตทำงานแต่ทำงานกับคนอื่น? ไม่ใช่กับเรา ก็ไม่ได้ ถ้าเจ้าหน้าที่พบโทษก็เท่ากับข้อ 1 เหมือนกัน

3.หากให้คนงานทำงานไม่ตรงกับที่กำหนดในใบอนุญาตงาน ถ้าพบปรับไม่เกิน 4 แสนบาทต่อคนงาน 1 คน ฉะนั้น ถ้าจำเป็นต้องหาคนไปช่วยขนของขึ้นรถบรรทุกเพื่อไปส่งให้ลูกค้า ให้ขอร้องให้ลูกสาวทำแทนนะครับ อย่าใช้คนทำงานบ้านไปทำเด็ดขาด เพราะค่าปรับแพงกว่าค่าตั๋วหนังกับค่าขนมมาก

4.ตามพระราชกำหนดฯ นี้ ทุกอย่างมีราคาหมด เช่น หากเราเลิกจ้างคนงานแล้วแต่ไม่แจงกรมการจัดหางาน เราก็ผิด เราเลิกจ้างคนงานแล้วแต่ไม่ได้ส่งคนงานกลับประเทศ เราก็ผิด หรือเราส่งคนงานกลับประเทศแล้ว แต่เผลอไม่แจ้งกรม เราก็ผิดอีก เป็นต้น

ขณะที่คนงานเมียนมา กัมพูชา และลาวที่ถูกจับเพราะลักลอบทำงาน แม้นมีโทษทั้งจำ (คุก) และปรับ แต่หากคนงานยินยอมเดินทางกลับประเทศ ตำรวจก็อาจแค่ปรับและถือว่าคดีเลิกกัน…

เห็นรายละเอียดต่างๆ แล้ว ผมก็ว่า กรอบที่พูดง่ายๆ นี้ เวลานำมาปฏิบัติก็ยากเช่นกันนะครับ จึงรีบเตือนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้พ้นผ่านปัญหากันตามนี้ครับ

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,275 วันที่ 2 - 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2560