ธนารักษ์ยืนยันก่อสร้างหอชมเมืองไม่เอื้อผลประโยชน์ให้เอกชน

29 มิ.ย. 2560 | 07:22 น.
กรมธนารักษ์ ยืนยัน ก่อสร้างหอชมเมืองไม่เอื้อผลประโยชน์ให้เอกชน ยันก่อสร้างด้วยความร่วมมือและไม่ใช้เงินแผ่นดินแม้แต่บาทเดียว

1487 นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมธนารักษ์ ขอชี้แจงกรณีข้อวิจารณ์โครงการหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร ตามที่สื่อมวลชนและสื่อโซเชียลมีเดียตั้งข้อสังเกตและวิจารณ์ กรณีที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้โครงการหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร ดำเนินการคัดเลือกเอกชนโดยไม่ใช้วิธีประมูล นั้น ข้อเท็จจริง คือ โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้ความร่วมมือทั้งจากภาครัฐและเอกชนและสถาบันการเงินกว่า 50 องค์กรในรูปแบบของมูลนิธิ ก่อสร้างบนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ กท.3275 แขวงคลองต้นไทร เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ 4 - 2 - 34 ไร่ วงเงินลงทุน 4,620 ล้านบาทเพื่อน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและศาสตร์พระราชาเพื่อเป็นต้นแบบสำหรับประชาชนคนไทย

ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2559เห็นชอบให้โครงการนี้เป็นโครงการการตามนโยบายรัฐบาล ภายใต้ปรัชญาแห่ง “ศาสตร์พระราชา” ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญเพื่อมุ่งเน้นที่จะน้อมนำไปสู่การปฏิบัติ การพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2560 และวันที่ 29 มีนาคม 2560 คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐเห็นชอบรูปแบบโครงการ ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรียกเว้นให้โครงการสามารถดำเนินการคัดเลือกเอกชนโดยไม่ต้องประมูลจัดทำโครงการเทิดพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปสนับสนุนกิจการสาธารณกุศล และโครงการของหน่วยงานต่างๆ ต่อไป

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่ากระแสข่าวการก่อสร้างที่ไม่ระบุชัดเจนว่าใครที่เป็นผู้รับผิดชอบ รวมถึงตัวเลขงบประมาณ 7.6 พันล้านบาทนั้นยังคลาดเคลื่อน แท้เจริงอยู่ที่ 4,620 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่เอกชนจะเป็นฝ่ายลงทุนก่อสร้างเองทั้งหมด พร้อมยืนยันว่าโครงการนี้ไม่มีการใช้งบประมาณจากเงินแผ่นดินแม้แต่บาทเดียว ที่สำคัญตัวอาคารไม่มีเปิดให้เอกชนหาประโยชน์เชิงพาณิชย์หรือเป็นสำนักงาน (office) พื้นที่ถูกออกแบบเพื่อแสดงผลงานพระอัจฉริยภาพทุกด้านของพระองค์ท่าน

ในส่วนของที่ดินนั้น เดิมถือเป็นที่ตาบอดและรกร้าง คือ ไม่มีทางเข้าออกและเป็นที่ที่ตำรวจน้ำส่งคืนให้กับกรมธนารักษ์ หากปล่อยไว้ไม่เกิน 1 ปีโดยไม่ทำประโยชน์ก็จะเสี่ยงต่อการบุกรุกจากกลุ่มบุคคลต่างๆ ท้ายสุดแล้วเมื่อพัฒนาพื้นที่ก็อาจจะต้องฟ้องบุกรุกขับไล่กับชาวบ้านก็เป็นได้ แต่ที่ดินผืนดังกล่าวมีข้อดีคือ เป็นที่ติดริมน้ำเจ้าพระยาเหมาะแก่การพัฒนาให้เป็นจุดสำคัญ  ที่สำคัญ เนื่องจากโครงการมีลักษณะเชิงสังคมไม่ใช่เชิงพาณิชย์ ประกอบกับ เป็นการดำเนินงานประชารัฐ จึงนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบโดยไม่ต้องใช้วิธีการประมูล ซึ่งเคยมีการคำนวณแล้วต้องใช้ระยะเวลาถึง 20 ปีจึงจะคืนทุน โดเยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปสนับสนุนกิจการสาธารณกุศล