ทางออกนอกตำรา
โดย บากบั่น บุญเลิศ
เบื้องหลัง ”วิษณุ” รับสภาพ “หยุดยึดทรัพย์ยิ่งลักษณ์”
กลายเป็นเรื่องที่ฮือฮากันในสังคมอย่างมาก เมื่อ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ชี้แจงถึงความคืบหน้าในการยึดทรัพย์มาชดใช้ 3.5 หมื่นล้านบาท ในคดีจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กำลังเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณานัดท้ายๆ ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน2560 ว่า แม้กรมบังคับคดีเดินหน้ายึดทรัพย์ตามคำสั่งทางปกครองที่รัฐบาลประกาศได้ แต่ยังไม่รู้จะทำอะไร ที่ไหน จึงหยุดไว้ก่อน เพราะไม่เจอว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีอะไร
เช่นเดียวกับคดีขายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ของ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ด้วย ที่ดำเนินการเช่นเดียวกัน แต่นายบุญทรง ยังมีคดีข้าวล็อตอื่นที่อยู่ในสำนวนของ ป.ป.ช. ซึ่งจะเป็นคดีใหม่ที่ตามมาอีก
หมายความว่า ภารกิจมิชชั่น อิมพอสซิเบิล ตามล่ายึดทรัพย์นักการเมืองที่เกี่ยวพันกับการปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตในโครงการจำนำข้าว “ต้องหยุดไว้ก่อน เพราะไม่รู้ไปสืบทรัพย์มาจากไหน”
นี่จึงเป็นที่มาของการป้องปากซุบซิบกันทั้งเมืองว่า “เนติบริกรสองมาตรฐาน” พ่นพิษเข้าให้แล้ว ลองว่าเป็นชาวบ้านที่ไม่ใช่นักการเมืองป่านนี้โดนไปเต็มๆ แล้ว แต่พอนักการเมืองกลับหยุดดำเนินการเอาดื้อๆ
ใครความจำสั้น ผมพาไปดูคำสัมภาษณ์ของนายวิษณุ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2560 ว่า กรมบังคับคดีสามารถยึดทรัพย์ในโครงการรับจำนำข้าวได้ทันที แม้ในทรรศนะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้ถูกกล่าวหา จะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ ทว่าในแง่กฎหมายถือว่ากระบวนการนี้ได้แล้วเสร็จ คือตามประมวลกฎหมายวิธีปฏิบัติทางปกครอง กฎหมายว่าด้วยการรับผิดทางละเมิดเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อออกคำสั่งก็ต้องบังคับใช้
"ผมเข้าใจในความหมายของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่มองว่ายังไม่มีการตัดสินในคดีอาญาว่าผิดจริงหรือไม่ และคดียังคาอยู่ในศาล การจะยึดทรัพย์นั้นควรให้คดีอาญาแล้วเสร็จก่อน แต่รัฐบาลมองในแง่ว่า เมื่อออกคำสั่งทางปกครองแล้วแจ้งให้เจ้าตัวได้รับทราบ ก็สามารถยึดทรัพย์ได้ทันที" นายวิษณุ กล่าว
อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้หยุดไว้ก่อน....
คงไม่ใช่ว่าหาทรัพย์ไม่เจอแน่นอน เพราะลำพังเจ้าหน้าที่กรมบังคับดีไปดูบัญชีทรัพย์สินที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายบุญทรง ยื่นต่อป.ป.ช.ก็ทราบว่า ทั้ง 2 คนมีทรัพย์อะไรบ้าง ถ้าหาไม่เจอลองตามชุดข้อมูลนี้ไปก็ได้ครับ...
น.ส.ยิ่งลักษณ์ แจ้งบัญชีช่วงเข้ารับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2554 ระบุมีรายได้ 27,239,257 บาท มีรายจ่าย 3,975,000 บาท
ส่วนนายอนุสรณ์ อมรฉัตร คู่สมรส (ไม่ได้จดทะเบียนสมรส) มีรายได้ 1,441,666 บาท รายจ่าย 820,000 บาท บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีรายได้ 500 บาท มีรายจ่าย 594,000 บาท
ในส่วนทรัพย์สิน น.ส.ยิ่งลักษณ์ แจ้งว่ามีทรัพย์สินรวม 536,758,045 บาท แบ่งเป็น เงินสด 13,961,180 บาท เงินฝาก 13 รายการ 38,156,160 บาท เงินลงทุน 5 รายการ รวมบมจ. เอสซี แอสเสท 81,376,146 บาท เงินให้กู้ยืม 110,301,369 บาท 2 รายการ ให้นายพายัพ ชินวัตร 80 ล้านบาท
บริษัทแอ็ดอินเด็กซ์ จำกัด ของนายอนุสรณ์ 30 ล้านบาท ที่ดิน 13 แปลง 65,186,350 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 36 แห่ง 162,368,182 บาท ยานพาหนะ 8 คัน 18,690,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 1,028,655 บาท ทรัพย์สิน มูลค่าตั้งแต่ 2 แสนบาทขึ้นไป ได้แก่ เครื่องประดับ นาฬิกา กระเป๋า 73 รายการ 45,690,000 บาท
ส่วนนายอนุสรณ์ แจ้งว่ามีทรัพย์สินรวม 76,779,386 บาท แบ่งเป็น เงินสด 5,000,000 บาท เงินฝาก 4 บัญชี 5,458,969 บาท เงินลงทุน 3 รายการ 45,098,000 บาท ทรัพย์สินอื่น 18 รายการ ได้แก่ นาฬิกา เครื่องประดับ พระเครื่อง รวมมูลค่า 3,854,000 บาท ขณะที่บุตร แจ้งว่ามีทรัพย์สินรวม 4,373,955 บาท
ต่อมาช่วงเข้ารับตำแหน่ง รมว.กลาโหม เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2556 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุมีทรัพย์สินรวม 627,405,651 บาท หนี้สิน 27 ล้านบาท นายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามีนอกสมรส มีทรัพย์สินรวม 76,618,977 บาทไม่มีหนี้สิน เด็กชายศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชายวัย 11 ปี มีทรัพย์สิน 1,254,529 บาท รวมทรัพย์สิน น.ส.ยิ่งลักษณ์ และบุตร 628,660,181 บาท
หนี้สิน 27 ล้านบาท น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุว่า เป็นหนี้เงินกู้ยืม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อนำไปชำระค่าดินในเขตบึงกุ่ม เนื้อที่ 1-3-11 ไร่ มูลค่า 52 ล้านบาท
ทรัพย์สินหลัก ได้แก่ 1.เงินลงทุนจาก 5 รายการมูลค่า 81,376,146 บาท เพิ่มเป็น 9 รายการมูลค่า 149,466,890 บาท หุ้น บมจ.เอสซีแอสเสท คอร์เปอเรชั่น (SC) 31,308,750 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1 บาท
2.ที่ดินจาก 13 แปลง มูลค่า 65,186,350 บาท เพิ่มเป็น 14 แปลง มูลค่า 117,186,350 บาท 3.รถยนต์จากจำนวน 8 คัน มูลค่า 18,690,000 บาท เพิ่มเป็นจำนวน 9 คัน 21,990,000 บาท
ส่วนนายบุญทรง ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เมื่อครั้งพ้นจากตำแหน่ง รมช.คลัง ครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2557 ต่อ ป.ป.ช. รวมทรัพย์สิน 3,031,928 บาท คู่สมรส 14,521,114 บาท รวมทรัพย์สิน 17,553,042 บาท มีหนี้สินจากเงินเบิกเกินบัญชีของผู้ยื่น 270,522 บาท รวมมีหนี้สินทั้งหมด 270,552 บาท มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 17,282,519 บาท ทรัพย์สินประกอบด้วย เงินสด, เงินฝาก, ที่ดิน, นาฬิกาข้อมือ, รถยนต์, รถจักรยานยนต์
ทรัพย์สินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ 579 ล้านบาทเศษ นายบุญทรง 17 ล้านบาทเศษ ไม่เพียงพอที่จะชดใช้ความเสียหาย 3.5 หมื่นล้านบาทได้แน่...แต่ที่ต้องหยุดไม่น่าจะใช่มูลเหตุนี้แน่ๆ
ความจริงน่าจะเป็นเพราะ คำตัดสินของศาลปกครองกลางใช่หรือไม่ คดีนี้แม้ศาลมีคำสั่งยกคำขอ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ขอให้ศาลสั่งทุเลาการบังคับคำสั่งกระทรวงการคลังที่ให้ชดใช้ค่าเสียหายจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้านบาทไว้ก่อนที่จะมีคำพิพากษา แม้ว่าตุลาการเสียงข้างมากเห็นว่ารัฐบาลยังไม่มีการใช้มาตรการบังคับทางปกครองโดยยึดหรืออายัดทรัพย์สิน และขายทอดตลาด ซึ่งศาลยังไม่ได้สั่ง “ทุเลา” หรือ “ไม่ทุเลา” แต่ศาลเห็นว่ารัฐบาลยังไม่ได้ใช้มาตรการบังคับ จึงยังไม่จำเป็นต้องสั่ง ...ใช่หรือไม่
ซึ่งตามหลักในการพิจารณาของศาล ว่าจะทุเลาหรือไม่ จะพิจารณาจาก 1.คำสั่งนั้นน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย 2.ถ้าไม่ทุเลาจะเกิดความเสียหายยากแก่การเยียวยาภายหลัง 3.การทุเลาต้องไม่เป็นอุปสรรคแก่การบริหารราชการแผ่นดิน
อีกทั้งคดีนี้ ตุลาการเสียงข้างน้อย 2 ท่าน คือ นายภานุพันธ์ ชัยรัต รองอธิบดีศาลปกครองกลาง กับ นายวชิระ ชอบแต่ง ตุลาการเจ้าของสำนวน มีความเห็นให้สั่งทุเลา โดยชี้ว่าคำสั่งกระทรวงการคลังยังไม่เป็นที่ยุติ ต้องรอคำพิพากษาถึงที่สุดของศาล หากปล่อยให้ยึดอายัดทรัพย์ไปก่อนก็จะเกิดความเสียหายร้ายแรงยากแก่การเยียวยาภายหลัง
นายภานุพันธ์ ยังให้เหตุผลว่า การออกคำสั่งนี้เกิดขึ้น “ภายใต้สถานการณ์การใช้กำลังยึดอำนาจการปกครอง” ศาลซึ่งมีหน้าที่อำนวยความยุติธรรมจึงต้องตระหนักและให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพด้วยการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐตามหลักนิติธรรมเพื่อป้องกันการใช้อำนาจรัฐตามอำเภอใจ”
นี่คือความจริงที่ต้องหยุดการเดินหน้ายึดทรัพย์ใช่หรือไม่ ใครช่วยตอบที…
คอลัมน์ : ทางออกนอกตำรา / หน้า 6 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ /ฉบับ 3273 ระหว่างวันที่ 25-28 มิ.ย.2560