พาณิชย์พัฒนาระบบจดทะเบียนสัญญาหลักประกันธุรกิจทางอิเล็กทรอนิกส์

18 มิ.ย. 2560 | 11:01 น.
กระทรวงพาณิชย์ พัฒนาระบบจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจทางอิเล็กทรอนิกส์  รองรับการให้บริการตรวจดูรายการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจเบื้องต้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้รับบริการในการตรวจสอบข้อมูลจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแก่ประชาชนทั่วไปบนเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า www.dbd.go.th ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ขณะเดียวกันก็ให้ความคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคลตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการเพื่อไม่ให้เกิดการละเมิดสิทธิด้วย

นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “ในฐานะที่ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ ได้ดำเนินการพัฒนาระบบการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง ในลักษณะเรียลไทม์ (Real Time) ล่าสุด กรมฯ สามารถให้บริการตรวจดูรายการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจเบื้องต้นแก่ประชาชนทั่วไปบนเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยผู้ขอตรวจค้นต้องสมัครสมาชิกเพื่อใช้บริการทางอินเทอร์เน็ตของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า www.dbd.go.th ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย เมื่อสมัครสมาชิกแล้วจะได้รับชื่อผู้ใช้งาน (Username) และรหัสผ่าน (Password) เพื่อเข้าระบบ โดยสามารถตรวจค้นข้อมูลหลักประกันทางธุรกิจบนเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า www.dbd.go.th เมนู “บริการออนไลน์”  หัวข้อ “ตรวจค้นข้อมูลหลักประกันทางธุรกิจ”

dbd0618-1  “รายการจดทะเบียนที่สามารถตรวจดูได้ คือ 1) เลขที่คำขอจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ 2) วัน เดือน ปี เวลาจดทะเบียน 3) สถานะคำขอจดทะเบียน และ 4) ประเภททรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน โดยวิธีการค้นหารายการจดทะเบียนดังกล่าวสามารถค้นหาได้จาก 1) เลขทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ 2) ประเภททรัพย์สินที่เป็นหลักประกัน 3) ลูกหนี้ และ 4) ผู้ให้หลักประกัน”

ทั้งนี้ พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 มีผลใช้บังคับตั้งแต่ 2 กรกฎาคม 2559 ที่ผ่านมา เป็นกฎหมายที่ช่วยให้ผู้ประกอบธุรกิจเอสเอ็มอีเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้เพิ่มมากขึ้น โดยสามารถนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่มีอยู่ในการประกอบธุรกิจได้แก่ กิจการ สิทธิเรียกร้อง สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และทรัพย์สินทางปัญญา มาใช้เป็นหลักประกันการชำระหนี้ โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สินและสามารถใช้ทรัพย์สินนั้นไปผลิตเป็นสินค้าและบริการเพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มได้

จนถึงปัจจุบัน (4 กรกฎาคม 2559 - 6 มิถุนายน 2560) มีผู้มาขอจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแล้ว จำนวน 140,261 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกัน รวมทั้งสิ้น 2,238,229 ล้านบาท ทั้งนี้ มีทรัพย์สินทางปัญญา ประเภทเครื่องหมายการค้ามาจดทะเบียนเพิ่มขึ้น จากเดิมจำนวนมูลค่าทรัพย์สิน 1,955 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทรัพย์สิน 1,975 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 20 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1.02) สิทธิเรียกร้องประเภทบัญชีเงินฝากธนาคาร ยังคงเป็นทรัพย์สินที่ใช้เป็นหลักประกันมากที่สุด คิดเป็นร้อยละ 56.61 (มูลค่า 1,267,075 ล้านบาท) รองลงมา คือ สิทธิเรียกร้องประเภทลูกหนี้การค้า สัญญาจ้าง คิดเป็นร้อยละ 19.23 (มูลค่า 430,465 ล้านบาท) สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ ได้แก่ สินค้าคงคลัง วัตถุดิบ เครื่องจักร รถยนต์ เรือ คิดเป็นร้อยละ 20.42 (มูลค่า 457,114 ล้านบาท) และทรัพย์สินทางปัญญา คิดเป็นร้อยละ 0.09 (มูลค่า 1,975 ล้านบาท)