ที่นี่ไม่มีความลับ : อืดเป็นเรือเกลือแก้ปม king power-nok

14 มิ.ย. 2560 | 06:43 น.
ที่นี่ไม่มีความลับ

โดย : เอราวัณ

อืดเป็นเรือเกลือแก้ปม king power-nok

“เงินทอง-ความร่ำรวย”ใครๆ ก็อยากได้อยากมี แต่ความอยากได้อยากมีจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานความถูกต้องและไม่เอาเปรียบสังคม ชีวิตคนเราต่อให้มีมากก็หนีไม่พ้นความตาย

เตือนสติมหาเศรษฐีทั้งหลายมีเงินหมื่นล้าน แสนล้าน ควรหันมาทำความดีทำบุญไถ่บาปเสียบ้าง รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่รับเงินบาปของมหาเศรษฐีเหล่านี้จนไม่ทำหน้าที่แห่งตน ต้องหันมาทบทวนตัวเองใหม่

มี 2 เรื่องที่ต้องกระตุ้นต่อมสำนึกของผู้คิดที่จะเอาแต่ประโยชน์ และเจ้าหน้าที่รัฐที่เอื้อประโยชน์กัน จนละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

เรื่องแรกคือกรณีการปฏิบัติที่ส่อว่าจะขัดต่อกฏหมายในประเด็น “ร้านค้าปลอดอากร” ที่ทั้ง บริษัท ท่าอากาศยานไทย (AOT) ที่มี นิตินัย ศิริสมรรถการ เป็น CEO และกรมศุลกากร กุลิศ สมบัติศิริ เป็นอธิบดี ยังทำงานแบบ "อืดเป็นเรือเกลือ" ในการตรวจสอบประเด็นที่คณะกรรมาธิการ แห่งสภาปฏิรูปประเทศ(สปท.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ได้ทำหนังสือชี้ช่องให้ตรวจสอบ

บางกรณีไม่ใช้อืดอาดอย่างเดียวแต่ยังมาอธิบายแก้ตัวให้เอกชนคือ บริษัท คิงเพาเวอร์ เสียด้วยซ้ำ ถึงเวลาที่ทั้ง สตง.และสปท.ควรร้องให้คณะกรรมการป.ป.ช.ตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐ 2 หน่วยนี้ว่าใครเอื้อประโยชน์ใครปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 เสียที จะได้เป็นตัวอย่างให้กับเจ้าหน้าที่รัฐทั้งแผ่นดินพึงสังวรไว้ว่าการไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนนั้น “บาปกรรม” จะตามทันในชาตินี้

ส่วน “มหาเศรษฐี” ที่ชอบเช่าพระเครื่อง มูลค่ามหาศาลนั้นพึงสำนึกเช่นกันว่าพระเครื่องที่เช่าไปนั้นหาได้ศักดิ์สิทธิ์ "เหนือความดีไม่" คงไม่ต้องมานั่งสอนว่าอะไรคือความดี-ความชั่ว เพราะอีกไม่กี่ปีก็เดินทางสู่ "ความตาย" แล้วถ้าคิดไม่ได้ ยมบาลรออยู่

คนเราย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่กระทำนั้นผิดหรือถูก "โกหกคนอื่นได้แต่โกหกตัวเองไม่ได้" ถ้าไม่ทำให้ถูกต้องก็ต้องจมอยู่กับความทุกข์จนชีวิตจะหาไม่

1497415335902

ทวีฉัตร จุฬางกูร


s15 ณัฐพล จุฬางกูร


อีกกรณีคือเรื่อง “นกแอร์” การที่การบินไทย ไม่เพิ่มทุนจนเปิดโอกาสให้กลุ่ม "จุฬางกูร" ทั้ง “ทวีฉัตร-ณัฐพล จุฬางกูร” หลานชาย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เข้ามาถือหุ้นรวมกันกลายเป็นอันดับ 1 ถึงกว่า 28% แต่ไม่ยอมเสนอตัวทำ tender offerหรือตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้นเพราะถือหุ้นที่เกี่ยวข้องกันเกินเกณฑ์ 25%

ทั้ง 2 พี่น้องร่วมสายโลหิตคงรอดูว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะว่าอย่างไร แต่เหมือนผู้บริหารก.ล.ต.บางคนจะจงใจ "อุ้ม" 2 พี่น้องว่าไม่ต้องทำ เพราะไม่มีความสัมพันธ์กัน กรณีนี้ต้องย้อนถาม “รพี สุจริตกุล” เลขาฯ ก.ล.ต.ว่าลูกน้องท่าน "โง่หรือแกล้งโง่" หรือเป็นเพราะคนรวยทำอะไรไม่ผิด ฝากไว้ให้ทบทวนเพราะวันข้างหน้าจะเป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ว่า ก.ล.ต.เลือกปฏิบัติ ถ้าละเลยเรื่องนี้

รพี สุจริตกุล

รพี สุจริตกุล เลขาฯ ก.ล.ต.


และ 2 พี่น้อง "จุฬางกูร" ที่รวยเป็นหมื่นล้านก็น่าจะแสดงสปิริตในเรื่องนี้ ไม่ต้องรอก.ล.ต.ออกมาสั่งการ (ซึ่งคาดว่าคงไม่สั่ง) เลิก "รวยในมุมมืด" ออกมาชี้แจงต่อสังคมเสียที เพราะที่ทำมาหากินอยู่นั้นคือบริษัทมหาชน

คอลัมน์ : ที่นี่ไม่มีความลับ /หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ /ฉบับ 3270 ระหว่างวันที่ 15-17 มิ.ย.560