พิษกาตาร์สะเทือนส่งออกไทย ตลาดอาหรับ2.2แสนล.ส่อวูบ-ปิดพรมแดนรอขนสินค้ากลับ

11 มิ.ย. 2560 | 05:00 น.
กาตาร์เอฟเฟกต์ทำส่งออกไทยไปกลุ่มอ่าวอาหรับ 2.2 แสนล้านสะเทือนสรท.เผยดูไบฮับท่าเรือใหญ่ตะวันออกกลาง สั่งปิดประตูการค้า ห้ามถ่ายลงเรือเล็กไปกาตาร์ทำสินค้าไทยตกค้างรอขนกลับ ด้านกลุ่มรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ยาง เร่งประเมินผลกระทบ

จากที่หลายชาติในตะวันออกกลาง ได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย สหรฐอาหรับเอมิเรต อียิปต์ และบาห์เรนได้ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกาตาร์ และปิดพรมแดนทั้งทางบก เรือ และอากาศ เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านหลังกล่าวหากาตาร์ให้การสนับสนุนกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงและอิหร่านนั้น

T06-3225b นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยไปกาตาร์ที่ต้องผ่านทางรัฐดูไบ ของสหรัฐเอมิเรตส์(ยูเออี) ซึ่งเป็นศูนย์กลาง(ฮับ)การขนส่งทางเรือและทางรถยนต์ไปยังกาตาร์ และตะวันออกกลางในภาพรวม

โดยขณะนี้ทุกสายเดินเรือที่รับขนส่งสินค้าไปยัง Doha และ Hammad สองท่าเรือสำคัญของกาตาร์ และต้อง tranship (ถ่ายสินค้าลงเรือเล็กไปกาตาร์) ที่ท่าเรือ Jebel Ali ของยูเอี ขณะนี้สายเรือต่างๆไม่รับ Booking (จองเรือ)แล้ว นอกจากนี้ตู้สินค้าทุกตู้ที่ไปกาตาร์ สายเดินเรือบังคับให้ลงที่ดูไบทั้งหมด จะไม่อนุญาต Tranship เพื่อไปที่กาตาร์ ซึ่งเท่ากับปิดประตูสินค้าเข้ากาตาร์อย่างสิ้นเชิง

"สำหรับผู้ส่งออกที่ส่งสินค้าเข้าไปแล้วสามารถเคลียร์ของจากปลายทางกลับมายังไทยได้ แต่มีค่าใช้จ่ายในการขนกลับเอง ซึ่งจากข้อมมูลมีสมาชิกของสภาผู้ส่งออกบางรายของไปถึงที่ดูไบแล้วส่งต่อไปกาตาร์ไม่ได้อยู่ระหว่างทำเรื่องขอนำสินค้ากลับโดยมีทูตพาณิชย์ที่ดูไบช่วยประสาน ซึ่งสินค้าที่ไปแล้วมี 2 ทางเลือกคือจะนำกลับโดยเสียค่าใช้จ่ายเอง หรือหากรายใดมั่นใจว่าเหตุการณ์จะคลี่คลายลงได้ในระยะสั้นอาจเช่าคลังสินค้าที่ดูไบเก็บไว้ก่อน หรืออาจขายให้ลูกค้ารายอื่นหากเป็นสินค้าที่เปลี่ยนมือได้"

[caption id="attachment_122572" align="aligncenter" width="247"] สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ สุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์[/caption]

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่มสินค้าส่งออกอันดับ2 ของไทยไปกาตาร์ และสินค้าอันดับ 1 ที่ไทยส่งออกไปยังกลุ่มประเทศคณะมนตรีความมั่นคงรัฐอ่าวอาหรับ(หรือกลุ่ม GCC ซึ่งเป็นตลาดส่งออกของไทยมูลค่ากว่า 2.2 แสนล้านในปีที่ผ่าน) กล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด แต่ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินผลกระทบได้อย่างชัดเจน ที่ผ่านมาการส่งออกรถยนต์ และชิ้นส่วนของไทยไปกาตาร์คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.6% ของยอดส่งออกไปทั่วโลก ขณะที่การส่งออกรถยนต์ของไทยไปตะวันออกกลางซึ่งส่วนใหญ่เป็นปิคอัพตั้งแต่ปี 2558 เป็นต้นมาได้ลดลงค่อนข้างมาก จากเคยมีสัดส่วนยอดส่งออก 25% ของภาพรวม ลดเหลือเพียง 8% ผลจากการสู้รบในตะวันออกกลาง และราคาน้ำมันที่ลดลง

[caption id="attachment_159929" align="aligncenter" width="503"] พิษกาตาร์สะเทือนส่งออกไทย ตลาดอาหรับ2.2แสนล.ส่อวูบ-ปิดพรมแดนรอขนสินค้ากลับ พิษกาตาร์สะเทือนส่งออกไทย ตลาดอาหรับ2.2แสนล.ส่อวูบ-ปิดพรมแดนรอขนสินค้ากลับ[/caption]

สอดคล้องกับนายวิษณุ ลิ่มวิบูลย์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และโทรคมนาคม ส.อ.ท. ที่กล่าวว่า สินค้าสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไทยส่งออกไปกาตาร์ และตะวันออกกลางมีทั้งส่งออกทางตรงและทางอ้อมผ่านทางดูไบ ในภาพรวมเป็นเครื่องปรับอากาศ และตู้เย็น ตู้แช่แข็ง ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบได้อย่างชัดเจน แต่โดยหลักการโดยหลักการเมื่อเส้นทางบก และทางเรือจากดูไบไปกาตาร์ถูกปิด ทางดูไบก็คงไม่สั่งสินค้าไทยเพื่อกระจายต่อไปยังกาตาร์ สถานการณ์ความตึงเครียดนี้หวังทางคูเวตจะเป็นผู้แกนกลางในการไกล่เกลี่ยให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว

ขณะที่นายชโย ตรังอดิศัยกุล รองประธานกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยาง ส.อ.ท ที่กล่าวว่า ในภาพรวมกลุ่ม GCC และตะวันออกกลางเป็นหนึ่งในตลาดใหญ่ของผลิตภัณฑ์ยางจากไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งยางรถยนต์นั่งและรถบรรทุก เรื่องนี้ทางกลุ่มอยู่ระหว่างประเมินผลกระทบ

ส่วนนายพจน์ เทียมตะวัน นายกสมาคมผู้ประกอบการพืชผัก ผลไม้ไทย กล่าวว่า ตลาดตะวันออกกลางเป็นตลาดใหญ่ของผักผลไม้ไทยสัดส่วน 35% ของการส่งออกในภาพรวม ส่วนใหญ่จะส่งทางเครื่องบิน เพราะเป็นของเน่าเสียง่าย สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ไม่ได้รับผลกระทบมาก เพราะยังสามารถบินตรงจากไทยไปกาตาร์ได้

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,269 วันที่ 11 - 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560