บลจ.ยูโอบี เชียร์ลงทุนหุ้นกลุ่มบริการสุขภาพทั่วโลก มองแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่ง
บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) แนะนำการลงทุนกลุ่มธุรกิจบริการด้านสุขภาพทั่วโลก (Global Healthcare) มองแนวโน้มยังเติบโตแข็งแกร่ง
นางสาวรัชดา ตั้งหะรัฐ ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจบริการด้านสุขภาพทั่วโลก เป็นกลุ่มธุรกิจที่ได้รับความสนใจมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยกองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลบอล เฮลท์แคร์ ฟันด์ (UOBSHC) และกองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล เฮลท์แคร์ ฟันด์ (UGH) แม้ว่าจะเผชิญกับความผันผวนของเศรษฐกิจและตามสถานการณ์ต่างๆ ทั่วโลกในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การลงทุนในการปรับพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม ส่งผลทำให้กองทุนยังคงเติบโตได้ดี ทำให้ปัจจุบันมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ณ 25 พฤษภาคม 2560 เติบโตที่ 12.5311 บาท และ 12.5241 ต่อหน่วยลงทุนตามลำดับ หรือมีการปรับตัวขึ้นมากกว่า 25% เมื่อเทียบกับ NAV ช่วงเสนอขายครั้งแรกที่ 10.00 บาทต่อหน่วย และยังคงมีปัจจัยสนับสนุนอย่างต่อเนื่องแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้เชื่อว่าการลงทุน Global Healthcare จะยังเป็นกลุ่มที่เป็นกระแสหลักของโลก (Mega trend) และด้วยปัจจัยสนับสนุนทางเศรษฐกิจ จึงแนะนำนักลงทุนสามารถเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกองทุนดังกล่าว เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวได้
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั่วโลกได้ตื่นตัวต่อการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จากที่ประชากรในประเทศที่พัฒนาแล้วมีช่วงอายุที่ยาวนานขึ้น ความมั่งคั่งในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่สูงขึ้น ส่งผลให้งบค่าใช้จ่ายเพื่อการดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย จึงสร้างความต้องการในธุรกิจยาและเทคโนโลยีชีวภาพ รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์และนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่นำไปสู่ความก้าวหน้าของการรักษาโรคที่มีการวิจัยและพัฒนาที่แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าในอดีต แม้ว่ามีแนวโน้มจะเผชิญกับความผันผวนจากการปรับเปลี่ยนนโยบาย Affordable Care Act (Obama-care)
อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงหุ้นบริษัทที่กองทุนหลักลงทุนนั้น มีสัดส่วนของกำไรที่ได้รับผลบวกจากนโยบาย Obama-care ไม่มากนัก อีกทั้งกองทุนมีการกระจายการลงทุนไปกว่า 100 บริษัท ครอบคลุม 4 กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Global Healthcare ได้แก่ 1) เทคโนโลยีทางการแพทย์ 2) การคิดค้นและผลิตยา 3) การให้บริการทางการแพทย์ และ 4)เทคโนโลยีชีวิภาพ ทำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนกระจุกตัว นอกจากนี้ คาดการณ์การเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS) ของหุ้นกลุ่มบริการสุขภาพทั่วโลก ที่ 14.7 % และมีค่า P/E คาดการณ์เฉลี่ยที่ 12.60 เท่า เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 9.6% และ 18.1 เท่าตามลำดับ (ที่มา: Wellington Management ณ 30 เมษายน 2560) ดังนั้นการเข้าลงทุนในขณะนี้จึงเป็นการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน ปัจจุบันกองทุนหลักให้น้ำหนักการลงทุนในสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มเศรษฐกิจมีสัญญาณเติบโตที่ชัดเจน จะช่วยสนับสนุนการเติบโตได้อีกด้วย
กองทุน UOBSHC และ UGH มีระดับความเสี่ยง 7 จะลงทุนผ่านกองทุนหลัก United Global Healthcare Fund มีวัตถุประสงค์ในการลงทุนที่เน้นลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจ Healthcare ในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก ซึ่งกองทุนหลักอาจป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน จัดตั้งและบริหารจัดการโดย UOB Asset Management Ltd. (Singapore) โดยปัจจุบันได้ร่วมบริหารกองทุนกับ Wellington International Management Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลกด้วยมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการมีประสบการณ์เฉพาะในหุ้นกลุ่ม Global Healthcare มากกว่า 30 ปี บริหารกองทุนด้วยกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อคัดเลือกหุ้น (Stock Selection) ด้วยการมองหาบริษัทพื้นฐานแข็งแกร่งทั่วโลก มีความสามารถในการแข่งขันสูง และเลือกซื้อหุ้นที่มีราคาต่ำกว่าราคาประเมิน สามารถบริหารผลตอบแทนย้อนหลังต่อปีตั้งแต่จัดตั้งกองทุน UOBSHC และ UGH ที่ 8.83% และ 8.81% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน 6.20% (ข้อมูล ณ 28 เมษายน 2560)
นางสาวรัชดา ตั้งหะรัฐ ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจบริการด้านสุขภาพทั่วโลก เป็นกลุ่มธุรกิจที่ได้รับความสนใจมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยกองทุนเปิด ยูโอบี สมาร์ท โกลบอล เฮลท์แคร์ ฟันด์ (UOBSHC) และกองทุนเปิด ยูไนเต็ด โกลบอล เฮลท์แคร์ ฟันด์ (UGH) แม้ว่าจะเผชิญกับความผันผวนของเศรษฐกิจและตามสถานการณ์ต่างๆ ทั่วโลกในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์การลงทุนในการปรับพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม ส่งผลทำให้กองทุนยังคงเติบโตได้ดี ทำให้ปัจจุบันมูลค่าหน่วยลงทุน (NAV) ณ 25 พฤษภาคม 2560 เติบโตที่ 12.5311 บาท และ 12.5241 ต่อหน่วยลงทุนตามลำดับ หรือมีการปรับตัวขึ้นมากกว่า 25% เมื่อเทียบกับ NAV ช่วงเสนอขายครั้งแรกที่ 10.00 บาทต่อหน่วย และยังคงมีปัจจัยสนับสนุนอย่างต่อเนื่องแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั่วโลกได้ตื่นตัวต่อการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ จากที่ประชากรในประเทศที่พัฒนาแล้วมีช่วงอายุที่ยาวนานขึ้น ความมั่งคั่งในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ที่สูงขึ้น ส่งผลให้งบค่าใช้จ่ายเพื่อการดูแลสุขภาพเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย จึงสร้างความต้องการในธุรกิจยาและเทคโนโลยีชีวภาพ รวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์และนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่นำไปสู่ความก้าวหน้าของการรักษาโรคที่มีการวิจัยและพัฒนาที่แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าในอดีต แม้ว่ามีแนวโน้มจะเผชิญกับความผันผวนจากการปรับเปลี่ยนนโยบาย Affordable Care Act (Obama-care)
อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาถึงหุ้นบริษัทที่กองทุนหลักลงทุนนั้น มีสัดส่วนของกำไรที่ได้รับผลบวกจากนโยบาย Obama-care ไม่มากนัก อีกทั้งกองทุนมีการกระจายการลงทุนไปกว่า 100 บริษัท ครอบคลุม 4 กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Global Healthcare ได้แก่ 1) เทคโนโลยีทางการแพทย์ 2) การคิดค้นและผลิตยา 3) การให้บริการทางการแพทย์ และ 4)เทคโนโลยีชีวิภาพ ทำให้หลีกเลี่ยงการลงทุนกระจุกตัว นอกจากนี้ คาดการณ์การเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS) ของหุ้นกลุ่มบริการสุขภาพทั่วโลก ที่ 14.7 % และมีค่า P/E คาดการณ์เฉลี่ยที่ 12.60 เท่า เทียบกับเกณฑ์มาตรฐานที่ 9.6% และ 18.1 เท่าตามลำดับ (ที่มา: Wellington Management ณ 30 เมษายน 2560) ดังนั้นการเข้าลงทุนในขณะนี้จึงเป็นการเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน ปัจจุบันกองทุนหลักให้น้ำหนักการลงทุนในสหรัฐฯ ซึ่งมีแนวโน้มเศรษฐกิจมีสัญญาณเติบโตที่ชัดเจน จะช่วยสนับสนุนการเติบโตได้อีกด้วย
กองทุน UOBSHC และ UGH มีระดับความเสี่ยง 7 จะลงทุนผ่านกองทุนหลัก United Global Healthcare Fund มีวัตถุประสงค์ในการลงทุนที่เน้นลงทุนในตราสารทุนของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจ Healthcare ในตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลก ซึ่งกองทุนหลักอาจป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน จัดตั้งและบริหารจัดการโดย UOB Asset Management Ltd. (Singapore) โดยปัจจุบันได้ร่วมบริหารกองทุนกับ Wellington International Management Company Limited ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลกด้วยมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการมีประสบการณ์เฉพาะในหุ้นกลุ่ม Global Healthcare มากกว่า 30 ปี บริหารกองทุนด้วยกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อคัดเลือกหุ้น (Stock Selection) ด้วยการมองหาบริษัทพื้นฐานแข็งแกร่งทั่วโลก มีความสามารถในการแข่งขันสูง และเลือกซื้อหุ้นที่มีราคาต่ำกว่าราคาประเมิน สามารถบริหารผลตอบแทนย้อนหลังต่อปีตั้งแต่จัดตั้งกองทุน UOBSHC และ UGH ที่ 8.83% และ 8.81% เทียบกับเกณฑ์มาตรฐาน 6.20% (ข้อมูล ณ 28 เมษายน 2560)