ตลาดคอนโดย่านแบริ่ง สำโรงแนวโน้มยังดี จับคนทำงานในเมือง

07 มิ.ย. 2560 | 07:13 น.
ไนท์แฟรงค์ชี้คอนโดย่านแบริ่ง สำโรง มีศักยภาพขยายตัว ตอบสนองความต้องการคนทำงานในเมืองและย่านสมุทรปราการ

 

นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด  กล่าวว่า การพัฒนาคอนโดมิเนียมพักอาศัยในย่านสุขุมวิทตอนปลาย แบริ่ง สำโรง มีศักยภาพในการขยายตัวและเติบโตได้ จากหลายปัจจัยดังนี้ 1.ความได้เปรียบจากทำเลที่ตั้งและต้นที่ดิน จากการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว บีทีเอส ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการก่อสร้างไปถึงสมุทรปราการและถนนแพรกษา โดยสถานีสำโรงเปิดให้บริการแล้วในปัจจุบัน

[caption id="attachment_158460" align="aligncenter" width="335"] นายพนม กาญจนเทียมเท่า นายพนม กาญจนเทียมเท่า[/caption]

ทั้งนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวเชื่อมต่อกับศูนย์กลางธุรกิจสำคัญย่านสุขุมวิท เพลินจิต สีลม และย่านการค้าสยาม ช่วยให้คนทำงานกลางเมืองเดินทางเข้าถึงแหล่งงาน และแหล่งช้อปปิ้งสำคัญย่านทองหล่อและสยามได้อย่างสะดวกรวดเร็ว เพียง 16 – 30 นาทีจากสถานีสำโรง นอกจากนี้สถานีสำโรงยังเป็นสถานีเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-บางกะปิ-ศรีนครินทร์-เทพารักษ์-สำโรง ซึ่งเป็นย่านที่อยู่อาศัยที่สำคัญของกรุงเทพด้วย

"สิ่งที่สำคัญในการพัฒนาโครงการก็คือต้นทุนที่ดินในย่านนี้ ยังมีราคาที่สามารถจับต้องได้ ราคาไม่แพงจนเกินไป ซึ่งจะทำให้ราคาขายคอนโดในย่านนี้ยังมีราคาขายที่สามารถซื้อหามาเป็นเจ้าของได้"

2.เป็นย่านที่พัฒนาแล้ว มีสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะครบถ้วน มีโครงการพัฒนาเชิงพาณิชย์หลายโครงการ เช่น เป็นที่ตั้งของตลาดสำโรง ศูนย์การค้าอิมพีเรียลสำโรง ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค มีโครงการบางกอกมอลล์ซึ่งเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่มาก พัฒนาโดยกลุ่มเดอะมอลล์ บนที่ดินกว่า 100 ไร่ และโครงการอาคารสำนักงานภิรัชทาวเวอร์ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง เป็นต้น

3. อยู่ใกล้แหล่งงานในพื้นที่ ถนนปู่เจ้าสมิงพราย ถนนเทพารักษ์ และสมุทรปราการซึ่งเป็นย่านอุตสาหกรรมที่สำคัญ สำโรงจึงกลายเป็นจุดศูนย์กลางเชื่อมต่อพื้นที่ระหว่างพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม ซึ่งเหมาะแก่การอยู่อาศัย

และจากผลวิจัยของไนท์แฟรงค์ประเทศไทยระบุว่า ณ ไตรมาสแรกของปีนี้จำนวนอุปทานคอนโดมิเนียมในย่านถนนสุขุมวิท ช่วงสี่แยกบางนาถึงสมุทรปราการมีทั้งสิ้น 27,916 หน่วย โดยมีจำนวนหน่วยคอนโดมิเนียมถูกขายไปได้ทั้งสิ้น 18,956 หน่วย คิดเป็น  67.9% อัตราการขายปรับตัวขึ้นจากปีพ.ศ. 2558 ซึ่งอยู่ที่ 62.8% โดยอัตราการขายคอนโดมิเนียมบริเวณนี้พบว่ามีอัตราการขายต่อปีอยู่ที่ประมาณ 3,500 – 4,500 หน่วยต่อปี

การขยายตัวของตลาดคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้ (บางนา-สมุทรปราการ) มีปริมาณอุปทานเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงปี 2557 และ 2558 (มีอุปทานใหม่เพิ่มสูงถึง 6,642 หน่วยและ 7,292 หน่วยตามลำดับ) ซึ่งปี 2556 เป็นปีที่เริ่มโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายจากสถานีแบริ่งไปสมุทรปราการ ขณะที่ปี 2559 มีอุปทานใหม่เพียง 3,836 หน่วยและไตรมาสแรกของปี 2560 มีอุปทานใหม่เพียง 972 หน่วย ซึ่งสอดคล้องกับสภาวะตลาดในภาพรวม ส่วนอุปสงค์นั้นมีอัตราการซื้อห้องชุดในบริเวณนี้ประมาณ 3,500 – 4,500 หน่วยต่อปี เมื่อพิจารณาแนวโน้มตลาดโดยรวมแล้ว ภาพรวมของตลาดยังถือว่าอยู่ในสภาพที่ดี อุปทานมีการปรับตัวสอดรับกับอุปสงค์ที่มีอยู่ในตลาด

ในส่วนระดับราคาขายคอนโดมิเนียมในบริเวณสุขุมวิทตอนปลาย ณ ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 78,157 บาท ต่อ ตารางเมตร โดย อัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมของราคาขายคอนโดมิเนียมในบริเวณสุขุมวิทตอนปลายมีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมอยู่ที่ 5.6% ต่อปี โดยระดับราคาขายเฉลี่ยปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 7% ต่อปี อันเนื่องมาจากความคืบหน้าของการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียวในส่วนต่อขยาย คาดว่าราคาขายคอนโดมิเนียมในบริเวณนี้จะปรับตัวสูงขึ้นอีกในปีพ.ศ. 2561-2563 เมื่อรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวเปิดให้บริการตลอดเส้นทางในปีพ.ศ. 2563