กรีนเดย์ควัก200ล้านผุดโรงงานใหม่ดันยอด1,000ล้าน

06 มิ.ย. 2560 | 04:50 น.
ไดมอน เอเชีย ไพรเวต เอควิตี ลงทุนในกลุ่มกรีนเดย์ เสริมศักยภาพแบรนด์และสร้างการเติบโต  พร้อมควักทุน 200 ล้านผุดโรงงานแห่งที่ 2 หวังกระตุ้นยอดขายทะลุ 1,000  ล้าน

กรีนเดย์1

นายตัน เชา ยิน หุ้นส่วนของไดมอน เอเชีย  เปิดเผยว่า   ไดมอน เอเชีย ไพรเวต เอควิตี (“ไดมอน เอเชีย ไพรเวต เอควิตี”) ได้ลงทุนในกลุ่มบริษัทกรีนเดย์ ได้แก่บริษัท กรีนเดย์ โกลบอล จำกัด และ บริษัท เอ เอส เวิลด์ เทรดดิ้ง จำกัด  ที่บริหารงานโดยครอบครัวคงศุภมานนท์   ซึ่งกรีนเดย์เป็นบริษัทผู้ผลิตขนมขบเคี้ยวจากผักและผลไม้ชั้นนำซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่จังหวัดสมุทรปราการ  หลังจากที่มีการเพิ่มเงินทุนจะส่งผลให้กลุ่มไดมอน เอเชีย  กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดเพียงรายเดียวของกรีนเดย์  แต่ครอบครัวผู้ก่อตั้งยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรวมกันในสัดส่วนข้างมากในกรีนเดย์

สำหรับการเพิ่มเงินทุนโดยไดมอนเอเชีย  จะใช้ในการสร้างโรงงานใหม่เป็นส่วนใหญ่เพื่อรองรับความต้องการผลิตภัณฑ์ของกรีนเดย์ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กรีนเดย์มีประวัติในการดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 30 ปี โดยเริ่มต้นจากการเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวแบบดั้งเดิมให้แก่ผู้ประกอบการขนาดเล็กผ่านทางการส่งออก

กรีนเดย์3

ปัจจุบันนี้ กรีนเดย์ ได้เติบโตและพัฒนามาจำหน่ายขนมขบเคี้ยวจากผักและผลไม้เพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ของตนเองทั้งในและต่างประเทศ กรีนเดย์ขายผลิตภัณฑ์ของตนไปยังประเทศต่างๆ กว่า 25 ประเทศภายใต้แบรนด์ Greenday และ Glendee   โดยช่วงที่ผ่านมากรีนเดย์ได้เปิดแฟล็กชิปสโตร์แห่งแรก  ที่ห้างสรรพสินค้าโชว์ดีซี  นอกจากจะมีผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ของตนเองแล้ว กรีนเดย์ยังมีบริการรับผลิตสินค้าให้แก่ลูกค้าเฉพาะรายจากต่างประเทศ ทั้งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป

“กรีนเดย์ เป็นแบรนด์ที่เราชื่นชอบมานานพอควรแล้ว แต่เราก็ยิ่งชอบแบรนด์นี้มากยิ่งขึ้นไปอีกหลังจากที่มีการร่วมมือทางธุรกิจกัน คุณชัยรัตน์และครอบครัวคงศุภมานนท์ได้ปลุกปั้นบริษัทจนกลายมาเป็นผู้นำตลาดสร้างสรรค์ในกลุ่มอาหารว่างเพื่อสุขภาพ ในทุกขั้นตอนการผลิต เราจะได้เห็นความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของครอบครัวนี้ที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ดีที่สุด ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาเลยกลายเป็นอาหารว่างที่เด็กและผู้ใหญ่ต่างก็ชื่นชอบ ส่วนที่ดีที่สุดคือทุกคนกินขนมนี้ได้มากเท่าที่ต้องการ  เราต่างก็ตื่นเต้นกับการร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้มาก และหวังว่าจะได้ร่วมงานกันกับครอบครัวคงศุภมานนท์และทีมบริหารอย่างใกล้ชิด”

ด้านนายชัยรัตน์ คงศุภมานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรีนเดย์  กล่าวว่า  การลงทุนจากไดมอน เอเชีย ไพรเวต เอควิตี จะช่วยทำให้กรีนเดย์เติบโตไปอีกขั้นหนึ่ง  และช่วยเพิ่มความสามารถในการผลิตได้อย่างยั่งยืน  ที่ผ่านมาบริษัทได้พยายามมองหาคู่ค้าทางธุรกิจที่เหมาะสมมาระยะหนึ่งแล้ว  การได้พันธมิตรดังกล่าวจะทำให้ได้รับวิสัยทัศน์ใหม่ๆ และช่วยเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้แก่แบรนด์กรีนเดย์  ซึ่งจะส่งผลในด้านการสร้างแบรนด์ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่องค์กร และพัฒนากลยุทธ์ด้านการจัดจำหน่ายให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ซี่งภายหลังจากการร่วมทุนแล้วบริษัทได้มีการลงทุนเพิ่มอีก 200 ล้านบาท  และสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ ซึ่งเป็นแห่งที่ 2 ที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู (เหนือ) สมุทรปราการ เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดที่มากขึ้น

ปัจจุบันมีสินค้าที่ผลิตจากผักผลไม้รวมประมาณ 30 ชนิด ขายในประเทศและต่างประเทศสัดส่วนครึ่งต่อครึ่ง มีฐานลูกค้าใน 25 ประเทศทั่วโลก หลักๆ คือ ฮ่องกง สิงคโปร์ เกาหลี ซาอุดิอารเบีย และในยุโรป ซึ่งที่ได้รับความนิยม ได้แก่ กระเจี๊ยบกรอบ บร็อกโคลี่กรอบ สตรอเบอร์รี่กรอบและมะพร้าวกรอบ โดยในปี 2561 บริษัทตั้งเป้าจะผลิตให้ได้เต็มเพดานจากโรงงานทั้ง 2 แห่ง อยู่ที่ 1,800 ตัน และคาดว่าจะทำให้มียอดขายโตกว่า 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 30% โดยมีช่องทางจำหน่ายที่ ท็อปส์, เดอะมอลล์, วิลล่า, ซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์, B2S, บิ๊กซี, โชว์ ดีซี, เซเว่น และแฟมิลี่ มาร์ท