‘สโนว์ไอซ์’รุกแฟรนไชส์ เน้นกลยุทธ์สร้างแบรนด์คาดสิ้นปีคลุม‘เออีซี’
บ.สโนว์ไอซ์พลาซ่าเน้นกลยุทธ์สร้างแบรนด์วางพื้นฐาน และการสร้างการรับรู้ พร้อมขยายตลาดสู่ประเทศกัมพูชาและกาตาร์ คาดขยายแฟรนไชส์ในประเทศ 20แห่งปีนี้ เชื่อมีรายได้ 40 ล้านบาทเท่าปีที่ผ่านมาเล็งขยายแฟรนไชส์ทั่วเออีซีในอนาคต
นางสาวพัชชา สุทธิรักษ์กรรมการบริหาร บริษัท สโนว์ไอซ์ พลาซ่า จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนํ้าแข็งไสสไตล์เกาหลีหรือบิงซู (Bingsu) ทั้งปลีกและส่งแบรนด์ “สโนว์ไอซ์ พลาซ่า”(Snow Ice Plaza) เปิดเผยกับ“ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในปี 2560บริษัทจะมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการทำตลาด โดยจะมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์มากขึ้นหลังจากที่ผ่านมา บริษัทจะจำหน่ายก้อนบิงซูให้กับร้านดังที่จำหน่ายในห้างสรรพสินค้า และตามร้านอาหารแต่ไม่เคยระบุในเงื่อนไขว่าจะต้องใช้แบรนด์สโนว์ไอซ์ พลาซ่า
[caption id="attachment_153336" align="aligncenter" width="503"]
พัชชา สุทธิรักษ์กรรมการบริหาร บริษัท สโนว์ไอซ์ พลาซ่า จำกัด[/caption]
ทั้งนี้จากการปรับกลยุทธ์ดังกล่าวนั้นมาจากการสำรวจพฤติกรรมของลูกค้าที่ปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าเก่าที่ติดตามกันมากว่า 8 ปี อีกทั้งยังมีลูกฐานลูกค้าใหม่ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากจากแบรนด์สโนไอซ์พลาซ่า และยังเป็นการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง และเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับกลยุทธ์ในเรื่องของการรักษาคุณภาพของบริษัท ทั้งรสชาติ รวมถึงราคาที่สมเหตุสมผล และผลิตภัณฑ์ที่มีให้เลือกอย่างหลากหลายตามความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ดำเนินการขยายตลาดออกสู่ต่างประเทศ โดยล่าสุดอยู่ในขั้นตอนของการนำเสนอโพรไฟล์ของผลติ ภณั ฑ์กับห้างสรรพสินค้าในประเทศกัมพูชา และกาตาร์ ซึ่งคาดว่าน่าจะสามารถเข้าไปเปิดร้านจำหน่ายได้ภายในเดือนตุลาคมของปีนี้ จากเดิมที่มีร้านจำหน่ายอยู่แล้วที่ประเทศเมียนมา และสปป.ลาว โดยเป็นการทำธุรกิจในรูปแบบของแฟรนไชส์ขณะที่แฟรนไชส์ในประเทศปีนี้คาดว่าจะขยายเพิ่มได้อีกประมาณ 20แห่ง จากเดิมที่ในปัจจุบันมีอยู่แล้วประมาณ 80-90 แห่งทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
นางสาวพัชชา กล่าวต่อไปอีกว่า จากการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 36-40 ล้านบาทภายในปีนี้ ซึ่งทรงตัวจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมถึงฤดูฝนที่มาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้ และสภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรมบิงซูที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้นจากคู่แข่งทีมี่จำนวนมากตามกระแสความนิยมของผู้บริโภค
“บิงซูของบริษัทมีจุดเด่นอยู่ที่กระบวนการผลิตที่ทำมาจากนมแท้ และมีหลากหลายรสชาติให้ลูกค้าได้เลือกทั้งรสนมดั้งเดิมชานม ชาเขียว ช็อกโกแลต เป็นต้นโดยเรามีโรงงานผลิตก้อนบิงซูโดยเฉพาะ ปัจจุบันมีธุรกิจที่เกี่ยวกับการจำหน่ายก้อนบิงซูให้กับร้านที่จำหน่ายบิงซูทั่วประเทศด้วย”
ร้านของสโนว์ไอซ์ พลาซ่าที่บริษัทเป็นผู้ควบคุมและบริหารงานด้วยตนเองยังมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นไอศกรีมกึ่งนํ้าแข็งไส ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่การทำมาจากผลไม้แท้และมีส่วนผสมของนํ้าตาลเพียง5% เท่านั้น ทำให้ไอศกรีมของทางร้านจะไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป แต่จะมีลักษณะที่เป็นเหมือนกึ่งนํ้าแข็งไส รับประทานแล้วชุ่มคอชื่นใจทำให้ผ่อนคลายจากความเครียดได้ และยังมีผลิตภัณฑ์เสริม เช่น เครปร้อน เครปเย็นขนมปังโทสต์และคากิโกริเป็นต้น
ส่วนเป้าหมายในอนาคตนั้น ต้องการขยายแฟรนไชส์สโนไอซ์ พลาซ่าไปในทุกประเทศของกลุ่มเออีซี (AEC) โดยบริษัทจะมีข้อได้เปรียบตรงที่มีสาขาอยู่หน้ามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือเอแบค (ABAC) ซึ่งจะมีนักศึกษาจากต่างประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาศึกษา เมื่อได้ลิ้มลองรสชาติก็จะกลับไปปรึกษากับผู้ปกครอง เพื่อขอนำกลับไปประกอบธุรกิจเป็นของตนเองหลังจากจบการศึกษา
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,264 วันที่ 25 - 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
นางสาวพัชชา สุทธิรักษ์กรรมการบริหาร บริษัท สโนว์ไอซ์ พลาซ่า จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายนํ้าแข็งไสสไตล์เกาหลีหรือบิงซู (Bingsu) ทั้งปลีกและส่งแบรนด์ “สโนว์ไอซ์ พลาซ่า”(Snow Ice Plaza) เปิดเผยกับ“ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในปี 2560บริษัทจะมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการทำตลาด โดยจะมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์มากขึ้นหลังจากที่ผ่านมา บริษัทจะจำหน่ายก้อนบิงซูให้กับร้านดังที่จำหน่ายในห้างสรรพสินค้า และตามร้านอาหารแต่ไม่เคยระบุในเงื่อนไขว่าจะต้องใช้แบรนด์สโนว์ไอซ์ พลาซ่า
[caption id="attachment_153336" align="aligncenter" width="503"]
ทั้งนี้จากการปรับกลยุทธ์ดังกล่าวนั้นมาจากการสำรวจพฤติกรรมของลูกค้าที่ปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าเก่าที่ติดตามกันมากว่า 8 ปี อีกทั้งยังมีลูกฐานลูกค้าใหม่ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากจากแบรนด์สโนไอซ์พลาซ่า และยังเป็นการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง และเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับกลยุทธ์ในเรื่องของการรักษาคุณภาพของบริษัท ทั้งรสชาติ รวมถึงราคาที่สมเหตุสมผล และผลิตภัณฑ์ที่มีให้เลือกอย่างหลากหลายตามความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ดำเนินการขยายตลาดออกสู่ต่างประเทศ โดยล่าสุดอยู่ในขั้นตอนของการนำเสนอโพรไฟล์ของผลติ ภณั ฑ์กับห้างสรรพสินค้าในประเทศกัมพูชา และกาตาร์ ซึ่งคาดว่าน่าจะสามารถเข้าไปเปิดร้านจำหน่ายได้ภายในเดือนตุลาคมของปีนี้ จากเดิมที่มีร้านจำหน่ายอยู่แล้วที่ประเทศเมียนมา และสปป.ลาว โดยเป็นการทำธุรกิจในรูปแบบของแฟรนไชส์ขณะที่แฟรนไชส์ในประเทศปีนี้คาดว่าจะขยายเพิ่มได้อีกประมาณ 20แห่ง จากเดิมที่ในปัจจุบันมีอยู่แล้วประมาณ 80-90 แห่งทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
นางสาวพัชชา กล่าวต่อไปอีกว่า จากการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้บริษัทมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 36-40 ล้านบาทภายในปีนี้ ซึ่งทรงตัวจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รวมถึงฤดูฝนที่มาเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในปีนี้ และสภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรมบิงซูที่รุนแรงเพิ่มมากขึ้นจากคู่แข่งทีมี่จำนวนมากตามกระแสความนิยมของผู้บริโภค
“บิงซูของบริษัทมีจุดเด่นอยู่ที่กระบวนการผลิตที่ทำมาจากนมแท้ และมีหลากหลายรสชาติให้ลูกค้าได้เลือกทั้งรสนมดั้งเดิมชานม ชาเขียว ช็อกโกแลต เป็นต้นโดยเรามีโรงงานผลิตก้อนบิงซูโดยเฉพาะ ปัจจุบันมีธุรกิจที่เกี่ยวกับการจำหน่ายก้อนบิงซูให้กับร้านที่จำหน่ายบิงซูทั่วประเทศด้วย”
ร้านของสโนว์ไอซ์ พลาซ่าที่บริษัทเป็นผู้ควบคุมและบริหารงานด้วยตนเองยังมีผลิตภัณฑ์ที่เป็นไอศกรีมกึ่งนํ้าแข็งไส ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่การทำมาจากผลไม้แท้และมีส่วนผสมของนํ้าตาลเพียง5% เท่านั้น ทำให้ไอศกรีมของทางร้านจะไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป แต่จะมีลักษณะที่เป็นเหมือนกึ่งนํ้าแข็งไส รับประทานแล้วชุ่มคอชื่นใจทำให้ผ่อนคลายจากความเครียดได้ และยังมีผลิตภัณฑ์เสริม เช่น เครปร้อน เครปเย็นขนมปังโทสต์และคากิโกริเป็นต้น
ส่วนเป้าหมายในอนาคตนั้น ต้องการขยายแฟรนไชส์สโนไอซ์ พลาซ่าไปในทุกประเทศของกลุ่มเออีซี (AEC) โดยบริษัทจะมีข้อได้เปรียบตรงที่มีสาขาอยู่หน้ามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือเอแบค (ABAC) ซึ่งจะมีนักศึกษาจากต่างประเทศ และประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาศึกษา เมื่อได้ลิ้มลองรสชาติก็จะกลับไปปรึกษากับผู้ปกครอง เพื่อขอนำกลับไปประกอบธุรกิจเป็นของตนเองหลังจากจบการศึกษา
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,264 วันที่ 25 - 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2560