BCPG ปั้นขายไฟออนไลน์ต่อยอดธุรกิจพลังงาน-เข้าเป้า1,000เมกะวัตต์

23 พ.ค. 2560 | 05:00 น.
“บีซีพีจี” เห็นประโยชน์จากเศรษฐกิจแบ่งปัน เปิดธุรกิจใหม่รวบรวมไฟฟ้าเหลือใช้รูฟท็อปขายต่อ หลังลงทุน 1,000 เมกะวัตต์เข้าเป้าเร็วกว่าแผน

นายบัณฑิต สะเพียรชัยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน)หรือ BCPG เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทสามารถลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าได้ถึง 1,000 เมกะวัตต์เทียบเท่าการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แล้ว ซึ่งเร็วกว่าแผนที่วางไว้ว่าจะใช้เวลา 3-5 ปี และกำลังพิจารณาการลงทุนในขั้นที่ 2 เป็นการคิดค้นเทคโนโลยีเพื่อนำมาต่อยอดธุรกิจพลังงานสะอาดทุกรูปแบบโดยร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในการพัฒนาระบบการซื้อขายไฟฟ้าโซลาร์บนหลังคาบ้านเรือนประชาชน(รูฟท็อป) หรือหลังคาอื่นๆ

“BCPGเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจผลิตและขายไฟเจ้าแรกๆของเมืองไทย แต่ขณะนี้การลงทุนด้านโซลาร์ในบ้านเราได้ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ไม่สามารถได้เงื่อนไข ราคาขายไฟที่ดีเหมือนแต่ก่อนหาซื้อโครงการก็ยากมาก เราจึงต้องเริ่มคิดเรื่องธุรกิจใหม่ เป็นบทที่สอง มาเป็นการให้บริการไฟฟ้า ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ในยุคเศรษฐกิจในสหรัฐเมืองบรู๊คลินได้เปิดรับซื้อไฟรูฟท็อปบ้านแล้ว ใครมีไฟฟ้าเหลือใช้ก็เสนอราคาขายเข้ามาทุกฝ่ายวิน วิน กฟผ.ไม่ต้องลงทุนโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ ในส่วนเมืองไทยคงต้องรอเวลา เพราะยังมีความไม่ชัดเจนในหลายเรื่อง เช่นการใช้สายส่ง”นายบัณฑิตกล่าว

สำหรับรูปแบบในการทำธุรกิจใหม่ นายบัณฑิตกล่าวว่า จากการศึกษาเบื้องต้น BCPG จะเป็นผู้รวบรวมกระแสไฟฟ้าเพื่อนำไปขายต่อ โดยลงทุนติดตั้งรูฟท็อปให้ก่อน ให้ทยอยผ่อนจ่ายในภายหลัง หากโครงการรับซื้อไฟจากหลังคาบ้านประชาชนยังไม่เกิด ก็สามารถร่วมลงทุนกับหมู่บ้านจัดสรร มหาวิทยาลัย หรือนิคมอุตสาหกรรมได้ก่อน เพื่อขายให้กับผู้ใช้โดยตรง อย่างไรก็ตามเรื่องรูฟท็อปหลังคาบ้านเริ่มมีการพูดถึงนโยบายรูฟท็อปเสรีทั่วประเทศบ้างแล้ว

ในส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้า บริษัทไม่จำเป็นต้องไล่ล่าเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีกแล้ว โครงการที่มีอยู่ 1,000 เมกะวัตต์สามารถสร้างรายได้และกำไรได้ในอนาคต เนื่องจากประสิทธิภาพในการผลิตให้อัตรากำไรสุทธิสูงในอันดับต้นๆของผู้ประกอบการและต้นทุนทางการเงินต่ำจากการเป็นบริษัทในกลุ่มบางจากปิโตรเลียม รวมถึงโครงการที่จะลงทุนในอนาคต ทำให้ BCPG เป็นหุ้นเติบโตสูง และอัตราผลตอบแทนสูง หลังจากผลการดำเนินงานปี 2559 ได้จ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.69 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 5.3%

MP18-3263-B “เรามีสปริงบอร์ดที่มั่นคง ดี/อีต่ำ สามารถขยายการลงทุนได้อีกมาก เมื่อมีพื้นฐานดี รางวัลต่างๆก็จะเข้ามาเอง อาทิ ได้รับคัดเลือกให้เข้าคำนวณดัชนีระดับโลก MSCI Global Small Cap Indexes”นายบัณฑิตกล่าว

ล่าสุด บริษัทรับโอนหุ้นกิจการพลังงานลมในฟิลิปปินส์เรียบร้อยแล้ว เพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าในมือเป็น 400 เมกะวัตต์ รับรู้กำไรในไตรมาส 2/2560 ส่วนการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ประเทศอินโดนีเซีย 182 เมกะวัตต์ รอการอนุมัติงบลงทุน 1.2 หมื่นล้านบาทจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น วันที่13 มิถุนายน 2560

ด้านนักวิเคราะห์หลักทรัพย์บล.ทิสโก้ ปรับคำแนะนำเป็น”ซื้อ”ให้มูลค่าที่เหมาะสม 15.50 บาท มอง BCPG เติบโตสในช่วง 3 ปีข้างหน้า จากโครงการที่ลงทุน รวมถึงอัตรากำไรโครงการที่ญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นจากการประหยัดต้นทุนและโรงไฟฟ้าพลังงานในฟิลิปปินส์จะสร้างกำไรราว 62 ล้านบาท/ไตรมาส

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,263 วันที่ 21 - 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2560