รถอเนกประสงค์ระดับเริ่มต้น รุ่นไหนคุ้มค่าน่าใช้
ตลาดรถยนต์อเนกประสงค์แบบ “เอ็มพีวี” (MPV-MultiPurpose Vehicle) ในเมืองไทยอาจจะไม่ดังเปรี้ยงปร้างสร้างระดับความนิยมเท่าปิกอัพ หรือเอสยูวี ทว่ายุทธศาสตร์ของการผลิตที่ต้องมีความหลากหลายบนการใช้พื้นฐานการพัฒนาร่วมกันและแลกเปลี่ยนโปรดักต์กันในภูมิภาค ยังเป็นปัจจัยที่ ทำให้รถประเภทนี้จำต้องทำตลาดในไทย
ส่วนหนึ่งเพราะความนิยมของอินโดนีเซียต่อรถประเภทนี้ ประเทศไทยจึงได้อานิสงส์การทำตลาดมาด้วยแม้บริษัทในไทยจะทำใจล่วงหน้าถึงความสำเร็จด้านยอดขาย แต่ในเมื่อเป็นแผนงานจากบริษัทแม่ก็ต้องสั่งนำเข้ารถเอ็มพีวีเข้ามาประดับในไลน์อัพเช่นกัน ทั้งเจ้าใหญ่โตโยต้า ที่นำเข้ามาทั้งอแวนซา,เซียนต้า และอินโนวา ขณะทีี่ซูซูกิมีเออร์ติก้า ส่วนฮอนด้าหยุดการนำเข้าฟรีดมาแล้วขณะที่โมบิลิโอ ใช้ฐานผลิตในประเทศไทย และส่งออกไปยังประเทศในอาเซียนด้วย
“ฐานยานยนต์” ลองนำเอ็มพีวีระดับเริ่มต้นที่ราคาเข้าถึงได้มาพิจารณาแต่เลือกเป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ เบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่งในรุ่นรองท็อปของ “อแวนซา”“เออร์ติก้า” และ “โมบิลิโอ”ที่เพิ่ง ไมเนอร์เชนจ์ไปสดๆร้อนมาเปรียบมวยกันว่ารุ่นไหนคุ้มค่าน่าใช้ที่สุด
เริ่มจากฮอนด้าโมบิลิโอ ไมเนอร์เชนจ์ ที่ถอดรุ่นเกียร์ธรรมดาออกไปเหลือทำตลาดใน 3 รุ่นย่อยคือ S V และ RS โดยรุ่น Sนั้นเป็นเบาะ 2 แถว 5 ที่นั่งราคาถูกสุด 6.59 แสนบาทซึ่งฮอนด้าหวังเจาะกลุ่มคนที่ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ หวังขนของค้าขายด้วยความสามารถในการบรรทุกเมื่อพับเบาะนั่งแถว 2 ลง และได้เปรียบเรื่องกันแดดกันฝนและความปลอดภัยต่อสินค้า
ในภาพรวมของโมบิลิโอ จะได้เปรียบคู่แข่งในการจ่ายภาษีสรรพสามิตในอัตราที่ถูกกว่า เพราะปล่อยไอเสียตํ่ากว่า 150 กรัมต่อกม. ซึ่งพิกัดนี้จะเสียภาษี30% แต่ในเมื่อเครื่องยนต์สามารถรองรับแก๊สโซฮอล์อี85 จึงได้แต้มต่ออีกหนึ่งเด้ง โดยเสียภาษีลดลงมาเหลือ 25% ส่วนคู่แข่งอีก 2รายปล่อยไอเสียเกิน 150กรัมต่อกม.และใช้ได้แค่นํ้ามันแก๊สโซฮอล์ อี20 จึงโดนภาษีระดับ 35%
แต่กระนั้นเมื่อเปรียบเทียบในรุ่นรองท็อป แม้ฮอนด้าจ่ายภาษีตํ่าพร้อมตั้งราคาขาย 6.99 แสนบาท แต่ราคานี้กลับแพงกว่าทั้งอแวนซา 1.5G ที่ราคา 6.79 แสนบาท และเออร์ติก้า 6.95แสนบาท โดยออพชันที่เหนือกว่าคู่แข่งชัดเจนคือ ความปลอดภัยอย่างระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ไฟหรี่และไฟเบรกดวงที่ 3 ใช้หลอด LED ขณะที่ 2 คู่แข่งสามารถสวนกลับได้ตรงไฟตัดหมอกตลอดจนกระจกมองข้างของอแวนซาจะมีไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ส่วนเออร์ติก้าสามารถพับด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งออพชันนี้ของโมบิลิโอจะมาในตัวท็อป
อย่างไรก็ตาม ฮอนด้าอาจจะเคลมว่าเหนือกว่าคู่แข่งตรงขนาดตัวถังยาวเกือบ 4.4 เมตร พร้อมพละกำลังและอัตราบริโภคนํ้ามันที่ให้ประสิทธิผลดีกว่า ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร117 แรงม้า ส่วน อแวนซา1.5 ลิตร 102 แรงม้า ขณะที่เออร์ติก้าวาง 1.4 ลิตร 92แรงม้า โดย 2 รุ่นหลังส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4สปีด แต่โมบิลิโอใช้เกียร์อัตโนมัติแบบสายพาน(CVT)จึงมีผลต่ออัตราบริโภคนํ้ามันที่เป็นมิตร (ดูตารางประกอบ และอ้างอิงตามอีโคสติกเกอร์)
ทั้งนี้อแวนซา เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลังชูเรื่องความทนทาน พร้อมสมรรถนะการขับขี่เมื่อบรรทุกของ ขณะเดียวกันยังได้ความคล่องตัวเมื่อรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดอยู่ที่ 4.7 เมตร ส่วนโมบิลิโอและเออร์ติก้า เท่ากันที่ 5.2 เมตร ทุกรุ่นใช้ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วประกบยาง185/65 R15
โดยฮอนด้า โมบิลิโอ จะไปจัดเต็มออพชันในรุ่นท็อป ที่มีมาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์อัจฉริยะ และระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อภาพและเสียงผ่าน HDMI ซึ่งราคาก็โดดไปถึง 7.63 แสนบาท ขณะที่ตัวท็อปของอแวนซาและเออร์ติก้า ราคา 7.29 แสนบาท และ 7.35 แสนบาทตามลำดับ
...ด้วยยอดขายในเซ็กเมนต์เอ็มพีวี 7,000-10,000 คันต่อปีถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดรวม 7.6 - 8 แสนคันต่อปี ซึ่งทุกโมเดลจะทำยอดขายได้ดีเมื่อเปิดตัวโมเดลใหม่ แต่หลังจากนั้นยอดขายมีแต่ทรงกับทรุดขณะที่ซับคอมแพกต์เอ็มพีวี ถือเป็นความอเนกประสงค์ในระดับราคาที่พอจะเข้าถึงได้ง่าย และเมื่อเปรียบมวยทั้ง อแวนซา เออร์ติก้า และโมบิลิโอ ในรุ่นรองท็อปแล้ว 2 โมเดลแรกเหมือนจะให้ออพชันที่เหมาะสมกับราคาที่จ่ายไป ส่วนของฮอนด้าจะได้ความใหญ่อเนกประสงค์พร้อมเครื่องยนต์มีพลังบนอัตราบริโภคนํ้ามันที่เป็นมิตร(ขึ้นอยู่กับลักษณะการขับขี่ด้วย)
[caption id="attachment_148978" align="aligncenter" width="503"]
รถอเนกประสงค์ระดับเริ่มต้น รุ่นไหนคุ้มค่าน่าใช้[/caption]
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,261 วันที่ 14 - 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
ส่วนหนึ่งเพราะความนิยมของอินโดนีเซียต่อรถประเภทนี้ ประเทศไทยจึงได้อานิสงส์การทำตลาดมาด้วยแม้บริษัทในไทยจะทำใจล่วงหน้าถึงความสำเร็จด้านยอดขาย แต่ในเมื่อเป็นแผนงานจากบริษัทแม่ก็ต้องสั่งนำเข้ารถเอ็มพีวีเข้ามาประดับในไลน์อัพเช่นกัน ทั้งเจ้าใหญ่โตโยต้า ที่นำเข้ามาทั้งอแวนซา,เซียนต้า และอินโนวา ขณะทีี่ซูซูกิมีเออร์ติก้า ส่วนฮอนด้าหยุดการนำเข้าฟรีดมาแล้วขณะที่โมบิลิโอ ใช้ฐานผลิตในประเทศไทย และส่งออกไปยังประเทศในอาเซียนด้วย
“ฐานยานยนต์” ลองนำเอ็มพีวีระดับเริ่มต้นที่ราคาเข้าถึงได้มาพิจารณาแต่เลือกเป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ เบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่งในรุ่นรองท็อปของ “อแวนซา”“เออร์ติก้า” และ “โมบิลิโอ”ที่เพิ่ง ไมเนอร์เชนจ์ไปสดๆร้อนมาเปรียบมวยกันว่ารุ่นไหนคุ้มค่าน่าใช้ที่สุด
เริ่มจากฮอนด้าโมบิลิโอ ไมเนอร์เชนจ์ ที่ถอดรุ่นเกียร์ธรรมดาออกไปเหลือทำตลาดใน 3 รุ่นย่อยคือ S V และ RS โดยรุ่น Sนั้นเป็นเบาะ 2 แถว 5 ที่นั่งราคาถูกสุด 6.59 แสนบาทซึ่งฮอนด้าหวังเจาะกลุ่มคนที่ใช้รถเพื่อการพาณิชย์ หวังขนของค้าขายด้วยความสามารถในการบรรทุกเมื่อพับเบาะนั่งแถว 2 ลง และได้เปรียบเรื่องกันแดดกันฝนและความปลอดภัยต่อสินค้า
ในภาพรวมของโมบิลิโอ จะได้เปรียบคู่แข่งในการจ่ายภาษีสรรพสามิตในอัตราที่ถูกกว่า เพราะปล่อยไอเสียตํ่ากว่า 150 กรัมต่อกม. ซึ่งพิกัดนี้จะเสียภาษี30% แต่ในเมื่อเครื่องยนต์สามารถรองรับแก๊สโซฮอล์อี85 จึงได้แต้มต่ออีกหนึ่งเด้ง โดยเสียภาษีลดลงมาเหลือ 25% ส่วนคู่แข่งอีก 2รายปล่อยไอเสียเกิน 150กรัมต่อกม.และใช้ได้แค่นํ้ามันแก๊สโซฮอล์ อี20 จึงโดนภาษีระดับ 35%
แต่กระนั้นเมื่อเปรียบเทียบในรุ่นรองท็อป แม้ฮอนด้าจ่ายภาษีตํ่าพร้อมตั้งราคาขาย 6.99 แสนบาท แต่ราคานี้กลับแพงกว่าทั้งอแวนซา 1.5G ที่ราคา 6.79 แสนบาท และเออร์ติก้า 6.95แสนบาท โดยออพชันที่เหนือกว่าคู่แข่งชัดเจนคือ ความปลอดภัยอย่างระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) ไฟหรี่และไฟเบรกดวงที่ 3 ใช้หลอด LED ขณะที่ 2 คู่แข่งสามารถสวนกลับได้ตรงไฟตัดหมอกตลอดจนกระจกมองข้างของอแวนซาจะมีไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ส่วนเออร์ติก้าสามารถพับด้วยระบบไฟฟ้า ซึ่งออพชันนี้ของโมบิลิโอจะมาในตัวท็อป
อย่างไรก็ตาม ฮอนด้าอาจจะเคลมว่าเหนือกว่าคู่แข่งตรงขนาดตัวถังยาวเกือบ 4.4 เมตร พร้อมพละกำลังและอัตราบริโภคนํ้ามันที่ให้ประสิทธิผลดีกว่า ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร117 แรงม้า ส่วน อแวนซา1.5 ลิตร 102 แรงม้า ขณะที่เออร์ติก้าวาง 1.4 ลิตร 92แรงม้า โดย 2 รุ่นหลังส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4สปีด แต่โมบิลิโอใช้เกียร์อัตโนมัติแบบสายพาน(CVT)จึงมีผลต่ออัตราบริโภคนํ้ามันที่เป็นมิตร (ดูตารางประกอบ และอ้างอิงตามอีโคสติกเกอร์)
ทั้งนี้อแวนซา เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลังชูเรื่องความทนทาน พร้อมสมรรถนะการขับขี่เมื่อบรรทุกของ ขณะเดียวกันยังได้ความคล่องตัวเมื่อรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดอยู่ที่ 4.7 เมตร ส่วนโมบิลิโอและเออร์ติก้า เท่ากันที่ 5.2 เมตร ทุกรุ่นใช้ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้วประกบยาง185/65 R15
โดยฮอนด้า โมบิลิโอ จะไปจัดเต็มออพชันในรุ่นท็อป ที่มีมาตรวัดเรืองแสงพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ระบบควบคุมประตูอัจฉริยะ ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์อัจฉริยะ และระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว ที่สามารถเชื่อมต่อภาพและเสียงผ่าน HDMI ซึ่งราคาก็โดดไปถึง 7.63 แสนบาท ขณะที่ตัวท็อปของอแวนซาและเออร์ติก้า ราคา 7.29 แสนบาท และ 7.35 แสนบาทตามลำดับ
...ด้วยยอดขายในเซ็กเมนต์เอ็มพีวี 7,000-10,000 คันต่อปีถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับตลาดรวม 7.6 - 8 แสนคันต่อปี ซึ่งทุกโมเดลจะทำยอดขายได้ดีเมื่อเปิดตัวโมเดลใหม่ แต่หลังจากนั้นยอดขายมีแต่ทรงกับทรุดขณะที่ซับคอมแพกต์เอ็มพีวี ถือเป็นความอเนกประสงค์ในระดับราคาที่พอจะเข้าถึงได้ง่าย และเมื่อเปรียบมวยทั้ง อแวนซา เออร์ติก้า และโมบิลิโอ ในรุ่นรองท็อปแล้ว 2 โมเดลแรกเหมือนจะให้ออพชันที่เหมาะสมกับราคาที่จ่ายไป ส่วนของฮอนด้าจะได้ความใหญ่อเนกประสงค์พร้อมเครื่องยนต์มีพลังบนอัตราบริโภคนํ้ามันที่เป็นมิตร(ขึ้นอยู่กับลักษณะการขับขี่ด้วย)
[caption id="attachment_148978" align="aligncenter" width="503"]
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,261 วันที่ 14 - 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2560